'ผล.ทสส.' สั่งเน้นปฏิบัติการเชิงรุกพื้นที่เสี่ยง ลดการแพร่ระบาดของโควิด
!['ผล.ทสส.' สั่งเน้นปฏิบัติการเชิงรุกพื้นที่เสี่ยง ลดการแพร่ระบาดของโควิด](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/42cd3c40-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
!['ผล.ทสส.' สั่งเน้นปฏิบัติการเชิงรุกพื้นที่เสี่ยง ลดการแพร่ระบาดของโควิด](https://cms.dmpcdn.com/news/2020/04/30/1239d350-8ad8-11ea-a2ce-49cb1f16069e_original.jpg)
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด (บก.ทท.) พ.อ.หญิง ฉัตรรพี พูนศรี รองโฆษกบก.ทท. เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติขยายเวลาการประกาศใช้ พระราชะกำหนดการบริหารราาชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน(พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) ต่อไปอีก 1 เดือน โดยมีการผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามความเหมาะสมนั้น พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะ หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) จึงให้หน่วยขึ้นตรงศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ดำเนินการสนับสนุนมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างสอดคล้อง และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พ.อ.หญิง ฉัตรรพี กล่าวว่า โดยให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปม.ตร.) เป็นหลักในการประสานการปฏิบัติกับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงเหล่าทัพ และส่วนราชการอื่นๆ ในการปรับการจัดตั้งจุดตรวจฯ โควิด – 19 และจุดตรวจฯ เคอร์ฟิว โดยเพิ่มการปฏิบัติเชิงรุกต่อพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่เพ่งเล็ง ในลักษณะชุดสายตรวจ ศปม.ตร. หรือชุดสายตรวจร่วม ศปม.ตร./เหล่าทัพ/ส่วนราชการอื่น และให้ นขต.ศปม. เตรียมการสนับสนุนการใช้กำลังในการจัดชุดเฉพาะกิจร่วมเพื่อปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคเชิงรุก ในพื้นที่เสี่ยงเฉพาะตามที่ได้รับการร้องขอจากส่วนราชการอื่นๆ อีกด้วย ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการดังกล่าวเพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชนในการดำเนินชีวิตและลดความเสี่ยง ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19