“แก้ว” สร้างบ้าน ? งานวิจัยรีไซเคิลแก้ว ทำเป็น “บล็อกก่อสร้าง” ที่ยั่งยืน

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธประเทศอังกฤษ พัฒนาวิธีการใช้ผงแก้วเหลือทิ้ง สร้างเป็น “บล็อกก่อสร้าง” วัสดุยั่งยืนที่สามารถนำไปใช้ปลูกสร้างได้

“บล็อกดินอัด” คืออะไร ?

นักวิจัยได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการรีไซเคิล “แก้ว” ว่าสามารถกลายมาเป็นสารเพิ่มเสถียรภาพใน “บล็อกดินอัด” (CEB) ได้หรือไม่ ?

“บล็อกดินอัด” คือบล็อกก่อสร้าง ที่ทำมาจากดิน น้ำ และซีเมนต์ ผสมในสัดส่วนที่กำหนดและอัดให้เป็นก้อนอิฐภายใต้แรงดันสูง ส่งผลให้ได้วัสดุก่อสร้างที่ทนทานและยั่งยืน โดยมีการปล่อยคาร์บอนต่ำกว่าแบบอิฐเผา

สูตรที่ใช้กันมากที่สุด คือใช้ซีเมนต์ทำหน้าที่เป็นสารยึดเกาะ ช่วยเพิ่มคุณสมบัติเชิงโครงสร้างของอิฐและป้องกันความเสียหายจากน้ำ การทดแทนซีเมนต์ในสูตรนี้จำเป็นต้องระบุส่วนผสมที่จะให้ความแข็งแรง ความทนทาน และความต้านทานต่อการแตกร้าวที่ใกล้เคียงกัน

บล็อกดินอัด เหมาะสำหรับการสร้างอาคารที่พักอาศัยและอาคารชุมชนแบบเตี้ย เช่น โรงเรียนและคลินิก ในสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำถึงปานกลาง แต่ไม่เหมาะสำหรับอาคารสูงที่พบได้ทั่วไปในเมืองที่พัฒนาแล้ว 

เศษแก้วผสมบล็อกดินอัด = ?

หลังจากทีมนักวิจัยพยายามหลายครั้ง ก็สามารถคิดค้นส่วนผสมที่เหมาะสมที่สุด  ในการรวมเอาอนุภาคแก้วรีไซเคิลมาเป็นส่วนหนึ่งกับบล็อกดินอัดได้สำเร็จ

โดยในแต่ละระดับเปอร์เซ็นต์ของการวิจัย ทางทีมวิจัยได้ทดสอบการดูดซึมน้ำ ความทนทานต่อการแตกหักของบล็อกเมื่อถูกอัด และเพื่อประเมินแรงเค้นสูงสุดที่บล็อกสามารถทนได้ขณะถูกยืดหรือดึง ก่อนที่จะแตกหักหรือเสียรูป

หลังจากทดสอบบล็อกด้วยส่วนผสมที่หลากหลายโดยใช้ปูนขาวและเศษแก้วรีไซเคิล ทางทีมพบว่าส่วนผสมของปูนขาว 10% และเศษแก้วรีไซเคิล 10% จะทำให้บล็อกที่แข็งแกร่งที่สุด โดยไม่แตกร้าวภายใต้แรงกดสูง

ต่อยอดไปได้อีกไกล…

ทีมนักวิจัยเผยว่า ผลการวิจัยดังกล่าวยังมีช่องว่างให้ศึกษาเพิ่มเติมอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น

• การดูว่าอิฐเหล่านี้ จะสามารถทนทานเพียงใดภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ

• วิธีการใช้ประโยชน์จากเศษแก้วที่มากขึ้น ซึ่งปกติแล้วจะต้องใช้พลังงานและทรัพยากรจำนวนมากในการกลั่น ขนส่ง และจัดจำหน่ายในกระบวนการรีไซเคิลแบบดั้งเดิม

• การติดตามความต้องการของบล็อกดินอัด ว่าจะเพิ่มขึ้นมากพอที่จะขยายวิธีการรีไซเคิลแก้วนี้ เพื่อสร้างผลกระทบที่เป็นรูปธรรมได้หรือไม่

งานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Discover Civil Engineering : https://link.springer.com/article/10.1007/s44290-025-00269-x