จากบทความตอนที่ 1 ที่แบ่งปันเทคนิคการสังเกตดวงตาไว้ 3 รูปแบบ วันนี้จะขอมาต่ออีก 4 รูปแบบนะคะ ... ว่าดวงตาของคนเรานั้น มักส่งสัญญาณหรือสื่อสารอะไร บางครั้งเป็นสิ่งที่ซ่อนไว้ แต่เราก็จะล่วงรู้ได้ อ่อ ...คุณผู้อ่านที่รักสามารถย้อนอ่านบทความ ตอนที่ 1 https://cities.trueid.net/post/87687 กันได้นะคะ ... แล้วเรามาต่อกันเลยกับอีก 4 ดวงตาค่ะแบบที่ 4 ดวงตากรอกตาไปในแนวนอนทางขวามือ หมายถึงการจินตนาการหรือสร้างเสียงขึ้นมาในใจเป็นสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เช่นถามว่าเคยได้ยินเสียงเป็ดโดนัลด์หรือเปล่า?? หรือเคยได้ยินเสียงพญานาคคำรามไหม?? ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบางช่วงของการนึก จะมีการกรอกตาไปในแนวนอนของทางขวามือของเขา หรือทางซ้ายมือของเรา .... คนแบบนี้น่ารักมาก จะมีจินตนาการสูงพร้อมที่จะจินตนาการตามที่เราพูดในสิ่งแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนค่ะ ภาพวาดประกอบโดยผู้เขียนแบบที่ 5 ดวงตากรอกตาไปในแนวนอนทางซ้ายมือ แสดงว่ากำลังนึกถึงเสียง หรือคำพูดที่เคยได้ยินมาก่อน เป็นเรื่องของการนึกถึงคำพูดหรือเสียงที่เคยได้ยินมาในอดีต เช่น ถามว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน คุณจำได้ไหมว่าเจ้านายสั่งอะไรคุณ ?? หรือ คุณจำเสียงเพลงกล่อมคุณตอนเด็กๆได้ไหม ?? ช่วงเวลาที่นึกถึงเสียงในความทรงจำ บางช่วง ลูกตาจะกรอกไปทางขวามือของคุณ หรือไปทางซ้ายของเขาหรือเธอ เพราะพวกเขากำลังนึกถึงเสียงที่เคยได้ยินมาก่อนแล้ว ซึ่งหากต้องการชักจูงใจคนประเภทนี้จะต้องยกเรื่องราวที่เกี่ยวกับเสียงในอดีตที่คนคนนั้นคุ้นเคยมาเชื่อมโยงให้เขานึกถึงประกอบ แล้วคุณจะสามารถพิชิตหัวใจหรือบรรลุเป้าหมายจากเขาหรือเธอได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ ภาพวาดประกอบโดยผู้เขียนแบบที่ 6 ดวงตากรอกตาพุ่งลงต่ำด้านขวามือ เป็นการแสดงให้เห็นว่ากำลังรู้สึกเสมือนจริงในเวลาที่ฟังหรือเห็น เขาจะรู้สึกได้เสมือนสัมผัสกับเหตุการณ์จริงเลยทีเดียวในขณะที่กำลังฟังสิ่งที่ได้ยิน หรือกำลังได้เห็น ดังนั้นการสื่อสารติดต่อกับคนที่ชอบแบบนี้ ต้องนำเสนอให้เห็นภาพและความรู้สึกร่วมให้เสมือนจริงมากที่สุด ให้เหมือนว่าได้เข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์นั้นจริงๆ ซึ่งคนกลุ่มนี้ ชอบอะไรที่เป็นเหมือน 3D หรือ 6D นั่นเอง และจะเป็นการง่ายหากต้องการให้เขาหรือเธอตัดสินใจหรือเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ภาพวาดประกอบโดยผู้เขียนและดวงตาแบบที่ 7 คือการกรอกตาพุ่งลงต่ำด้านซ้ายมือ แสดงวว่าเขากำลังรู้สึกเสมือนกำลังได้ยินเสียงจริงๆ คนแบบนี้ลักษณะนี้ ไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยภาพ เพราะแค่ฟังในสิ่งที่เราพูด พวกเขาก็สามารถจินตนาการตามจนเห็นเป็นภาพได้ค่ะ ภาพวาดประกอบโดยผู้เขียนการสังเกตร่องรอยของลูกนัยน์ตาที่เปลี่ยนทิศทางไปมา สามารถบอกสัญญาณอะไรบางอย่างกับเราได้ แต่มันต้องใช้ทักษะอย่างมากที่จะจับการเคลื่อนไหวในชั่วพริบตานั้น และบางครั้งมันก็ยังเป็นช่วงเวลาเผลอของคู่สนทนา ที่เราจะต้องหาทางสังเกตให้ได้ ซึ่งบางทีเราจะคิดว่า ไม่เห็นเป็นอย่างที่อ่านในบทความเลย ... แต่แท้จริงแล้ว เป็นเพราะเราสังเกตมันไม่ทัน และบางครั้งมันเป็นเพียงชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาที ที่ดวงตาของพวกเขาหรือเธอ เปลี่ยนทิศทางไปตามสัญชาตญาณและกลไกของสมอง นอกจากนี้ การที่เราล่วงรู้สัญญาณจากดวงตาเหล่านี้ ก็ใช่ว่าเราจะหาทางปกปิดมันได้ หากเราเองต้องกลายเป็นที่ถูกลอบสังเกต เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องยากที่เราจะควบคุมมันได้ คงต้องมีแต่คนที่ผ่านการฝึกฝนการควบคุมระดับเทพ ถึงจะปกปิดสิ่งที่ร่างกายกำลังสื่อสาร แต่บางทีถ้าเราใช้ความเผลอของคู่สนทนา เราจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไร ซึ่งมันเปิดเผยผ่านมาทางภาษากายนั่นเอง....