SEAFCOครึ่งหลังงานหนุน จ่อคิวประมูลเติมแบ็กล็อก
SEAFCO ปักหมุดรอการเมืองนิ่ง พร้อมลุยประมูลเติมพอร์ต ด้านปริมาณงานครึ่งปีหลัง 2566 ยังมีออกมาต่อเนื่อง แม้งานภาครัฐชะลอตัวบางส่วน ย้ำไม่ส่งผลกระทบ โชว์แบ็กล็อกในมือกว่า 1,500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้มากกว่า 50% โบรกมองผลงาน Q2/2566 โตสดใส เก็งทั้งปี 2566 พลิกกลับมามีกำไร
ดร.ณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 ปริมาณงานยังมีต่อเนื่องทั้งด้านการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะงานเอกชนปัจจุบันมีโครงการใหม่ออกมาเป็นจำนวนมากทำให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่เข้ามาสนับสนุน งานในมือที่มีอยู่ แม้ว่างานภาครัฐบางโครงการที่คาดว่าอาจจะ ถูกเลื่อนออกไป
แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่างานโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลก็ต้องมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศ สำหรับประเด็นทางการเมืองที่ยังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นที่เรียบร้อยหรืออาจจะใช้วันและเวลานานกว่ากำหนด มองว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนักเนื่องจากบริษัทยังเดินหน้าส่งมอบงานที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง
ตุนแบ็กล็อกทยอยรับรู้
ปัจจุบันบริษัทยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนงานจากภาครัฐ 70% และภาคเอกชน 30% ของงานที่มีในพอร์ตทั้งหมด ซึ่งจะสามารถรับรู้เป็นรายได้ปีนี้ 2566 เกิน 50% ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ไปจนถึงปี 2567
ขณะที่การเติบโตของรายได้ปี 2566 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ที่ราว 1,500 -2,000 ล้านบาท เพราะปัจจุบันยังเดินหน้าทยอยส่งมอบงานในมืออย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังเดินหน้าประมูลงานใหม่ๆ เข้ามาในช่วงที่เหลือของปีเพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งโดยรวมบริษัทประมูลงานไปแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท โดยปกติแล้วจะได้รับงานเข้ามาได้ประมาณ 30% หากหลังจากนี้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ และภาพรวมสถานการณ์การเมืองในประเทศดีขึ้น ซึ่งก็จะเป็นปัจจัยสำคัญสนับสนุนให้ปริมาณงานในระบบทยอยออกมาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การหาโอกาสเข้ารับงานต่างประเทศโดยมีการเจรจากับพันธมิตรผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่หลายรายในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะสามารถเข้าไปเดินหน้าลงทุนเริ่มดำเนินการได้ภายในปี 2567
Q2 โบรกเล็งผลงานแจ่ม
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จํากัด (มหาชน) ระบุถึง SEAFCO ว่าฝ่ายวิเคราะห์ คาดว่ารายได้ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 เติบโตต่อเนื่องเพราะฐานที่ต่ำ เมื่อเทียบกับปี 2565 โดยอัตราการเทคอนกรีตในช่วงเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่เฉลี่ยราว 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเพิ่มขึ้นมากในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากมีช่วงวันหยุดที่น้อยกว่า ทำให้การทำงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทได้เข้าร่วมเสนองานโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง หลังจากปัญหาขาดแคนแรงงานในปีที่ผ่านมาคลี่คลายลงโดยมีโครงการที่รอการประกาศผลผู้ชนะในช่วงที่เหลือของปี 2566 อยู่อีกกว่าราว 9,400 ล้านบาท ช่วยให้บริษัทมีโอกาสได้รับงานใหม่เข้ามาเติมพอร์ตงานในมือของบริษัทได้อีกมาก
มีลุ้นงบทั้งปีพลิกกำไร
ขณะที่ผลกระทบจากต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่สูงขึ้นและการปรับราคาค่าแรงมีจำกัด เนื่องจากงานฐานรากโครงการก่อสร้างเอกชนมีอายุอายุสั้น ไม่เกิน 6 เดือน ขณะที่งานฐานรากของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ภาครัฐมีอายุเฉลี่ย 6-1 ปี ทำให้บริษัทมีข้อได้เปรียบสามารถรับงานใหม่ที่สะท้อนต้นทุนก่อสร้างที่สูงขึ้นได้และการปรับค่าแรงได้เร็วกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างทั่วไป
ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.30 บาท โดยคาดว่ากำไรในปี 2566 จะอยู่ที่ 160 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไร