Magna Carta Tears of Blood... ชื่อนี้ อาจจะฟังดูไม่คุ้นหูสำหรับเกมเมอร์ยุคใหม่หลายๆ คน แต่สำหรับผมแล้ว มันคือชื่อของเกม RPG สัญชาติเกาหลีบน PlayStation 2 ที่เคยสร้างความประทับใจ (และความผิดหวัง) ให้ผมอย่างมากในวัยเด็ก ด้วยกราฟิกที่งดงามราวกับภาพวาด ตัวละครที่ออกแบบโดยศิลปินชื่อดัง และระบบการต่อสู้ที่แปลกใหม่ ทำให้ผมตั้งความหวังไว้กับเกมนี้มาก แต่สุดท้ายแล้ว Magna Carta Tears of Blood จะสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังของผมได้หรือไม่? วันนี้ผมจะขอพาคุณย้อนรอยกลับไปสัมผัสกับเกม RPG เก่าแก่เกมนี้ พร้อมทั้งเจาะลึกทุกแง่มุม ทั้งข้อดี ข้อเสีย และประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมได้รับจากการเล่นเกมนี้ครับ เนื้อเรื่อง: ดราม่าเข้มข้น... ที่น่าเสียดาย สิ่งแรกที่ดึงดูดผมให้เข้าสู่โลกของ Magna Carta Tears of Blood คือเนื้อเรื่องที่ดูเข้มข้นและเต็มไปด้วยปริศนาครับ เราจะได้รับบทเป็น Calintz ชายหนุ่มผู้มีอดีตอันลึกลับ ที่ต้องออกเดินทางผจญภัยไปพร้อมกับ Reith เพื่อนสาวสมัยเด็กผู้ร่าเริงสดใส และ Azel อัศวินสาวผู้เย็นชาแต่เปี่ยมไปด้วยความสามารถ การผจญภัยของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นจากเหตุการณ์ลอบสังหารเจ้าหญิงแห่งอาณาจักร ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ Yason และชนเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ ในช่วงแรกของเกม ผมรู้สึกอินไปกับเนื้อเรื่องมากครับ ปริศนาเกี่ยวกับอดีตของ Calintz ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์ ล้วนแล้วแต่น่าติดตาม ผมจำได้ว่าตัวเองเคยตื่นเต้นมากตอนที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดของ Calintz หรือตอนที่ Reith ถูกจับตัวไป มันทำให้ผมอยากรู้ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นก็ค่อยๆ จางหายไปเมื่อเล่นไปถึงช่วงกลางๆ ของเกมครับ ปมปริศนาใหม่ๆ เริ่มปรากฏขึ้นมา ตัวละครใหม่ๆ ก็ถูกเพิ่มเข้ามา แต่กลับไม่มีบทสรุปที่ชัดเจนสำหรับปมปริศนาเก่าๆ ตัวละครที่น่าสนใจในช่วงแรก เช่น Orha แม่มดสาวผู้ลึกลับ กลับกลายเป็นตัวประกอบที่ไม่มีบทบาทสำคัญในภายหลัง แถมยังมีการหักมุมในเนื้อเรื่องที่ค่อนข้าง “งงๆ” และไม่สมเหตุสมผล จนทำให้ผมรู้สึกผิดหวังกับบทสรุปของเกมนี้พอสมควร กราฟิก: สวยงามในยุคนั้น... แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ในยุคที่ PlayStation 2 กำลังรุ่งเรือง Magna Carta Tears of Blood ถือเป็นเกมที่มีกราฟิกสวยงามมากเกมหนึ่งครับ ตัวละครในเกมถูกออกแบบโดย Hyung-tae Kim ศิลปินชาวเกาหลีผู้มีลายเส้นเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งโด่งดังจากผลงานการออกแบบตัวละครในเกมอย่าง Blade & Soul และ Destiny Child ตัวละครในเกมนี้จึงมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม เสื้อผ้าอาภรณ์ประณีต และท่าทางการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ ฉากในเกมก็มีความละเอียดสูง โดยเฉพาะฉากคัทซีนที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี motion capture ทำให้ตัวละครดูเหมือนมีชีวิตจริงๆ อย่างไรก็ตาม กราฟิกของเกมนี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง อย่างแรกคือการออกแบบฉากที่ค่อนข้างซ้ำซากจำเจ ฉากส่วนใหญ่ในเกมจะเป็นทุ่งหญ้า ภูเขา หรือถ้ำ ซึ่งทำให้รู้สึกน่าเบื่อในบางครั้ง ผมจำได้ว่าตัวเองเคยหลงทางในเกมนี้บ่อยมาก เพราะฉากแต่ละฉากดูคล้ายๆ กันไปหมด อีกปัญหาหนึ่งคือเฟรมเรตที่ตก โดยเฉพาะในฉากต่อสู้ที่มีศัตรูจำนวนมาก ภาพจะกระตุกจนทำให้เสียอรรถรสในการเล่น ดนตรีประกอบ: ไพเราะจับใจ... เพิ่มอารมณ์ร่วม หากจะพูดถึงจุดเด่นของ Magna Carta Tears of Blood คงต้องยกให้ดนตรีประกอบครับ เพลงประกอบในเกมนี้ส่วนใหญ่เป็นแนวออร์เคสตร้า ฟังแล้วรู้สึกยิ่งใหญ่ อลังการ และเข้ากับบรรยากาศของเกมได้เป็นอย่างดี มีเพลงหลายเพลงที่ผมฟังแล้วชอบมากจนต้องไปหาโหลดมาเก็บไว้ฟัง เช่น เพลง "Tears of Blood" เพลงธีมหลักของเกม ที่มีความไพเราะ เศร้าสร้อย และทรงพลัง หรือเพลง "The Place Where the Wind Blows" เพลงบรรเลงช้าๆ ที่ให้ความรู้สึกเหงา และโหยหา ดนตรีประกอบเหล่านี้ช่วยเสริมอารมณ์ และสร้างบรรยากาศให้กับเกมได้เป็นอย่างดี ระบบการต่อสู้: แปลกใหม่ ท้าทาย... แต่ก็มีข้อเสีย Magna Carta Tears of Blood ใช้ระบบการต่อสู้แบบ Real-time Turn-based ซึ่งเป็นระบบที่ค่อนข้างแปลกใหม่ในสมัยนั้น เราสามารถควบคุมตัวละครให้เคลื่อนที่ไปมาในสนามรบได้อย่างอิสระ แต่การโจมตีจะขึ้นอยู่กับ "ค่าความโด่งดัง" (Charisma) ของตัวละคร ยิ่งค่าความโด่งดังสูง ก็ยิ่งโจมตีได้บ่อยครั้ง นอกจากนี้ เกมยังมีระบบ "Trinity System" ที่ให้เราสลับตัวละครในทีมได้ตลอดเวลา เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถที่แตกต่างกันของแต่ละตัวละคร ในช่วงแรก ผมรู้สึกตื่นเต้นกับระบบการต่อสู้มากครับ มันทำให้ผมต้องคิดวางแผน เลือกใช้สกิล และบริหารค่าความโด่งดังให้เหมาะสม แต่พอเล่นไปนานๆ ผมกลับรู้สึกว่ามันซ้ำซากจำเจ การต่อสู้ส่วนใหญ่ก็แค่รอให้ค่าความโด่งดังเต็ม แล้วก็กดใช้สกิลโจมตีศัตรูไปเรื่อยๆ แถม AI ของตัวละครในทีมก็ยังไม่ค่อยฉลาด พวกเขามักจะวิ่งเข้าไปหาศัตรูโดยไม่คิดชีวิต ใช้สกิลผิดจังหวะ หรือไม่ยอมรักษาตัวเอง ซึ่งทำให้การต่อสู้ยากขึ้นโดยไม่จำเป็น สรุป: เกมดี... ที่มีข้อเสีย Magna Carta Tears of Blood เป็นเกม RPG ที่มีความโดดเด่นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นกราฟิกที่สวยงาม ดนตรีประกอบที่ไพเราะ หรือระบบการต่อสู้ที่แปลกใหม่ แต่ในขณะเดียวกัน เกมนี้ก็ยังมีข้อเสียอยู่บ้าง เช่น เนื้อเรื่องที่น่าผิดหวังในช่วงหลัง ฉากในเกมที่ซ้ำซากจำเจ และ AI ของตัวละครในทีมที่ไม่ค่อยฉลาด ถึงแม้เกมนี้จะไม่ใช่เกม RPG ที่สมบูรณ์แบบ แต่ผมก็ยังรู้สึกประทับใจกับมันในหลายๆ จุด และอยากแนะนำให้คนที่ชอบเกม RPG ลองเล่นดูครับ เพราะมันเป็นเกมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว และอาจจะทำให้คุณนึกถึงความทรงจำในอดีต (หรืออาจจะทำให้คุณหงุดหงิด) ก็ได้ เครดิตภาพ ทางผู้เขียนได้ซื้อเกมนี้มาเล่นเองถ่ายรูปลงเอง เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !