9 สาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้า จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีอะไรได้บ้าง อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า โรคพิษสุนัขบ้าไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เกิดจากความบกพร่องในการจัดการสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยของชุมชนที่เปิดโอกาสให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสัตว์ให้เร่ร่อน ขาดการควบคุมประชากรสุนัขและแมว หรือไม่มีระบบจัดการขยะที่ดี ล้วนทำให้สัตว์มารวมตัวกัน เกิดการกัดต่อสู้ และแพร่เชื้อไวรัสได้โดยไม่รู้ตัว เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่ถูกดูแล สัตว์ป่วยและสัตว์สุขภาพดีก็อยู่ร่วมกันในพื้นที่เดียวกัน จึงเพิ่มความเสี่ยงให้คนถูกกัดหรือสัมผัสเชื้อได้มากขึ้นโดยไม่ตั้งใจ สิ่งแวดล้อมจึงเป็นเหมือนตัวเร่งให้โรคพิษสุนัขบ้าแพร่กระจายหรือสงบลงได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของเราค่ะ หากชุมชนมีการควบคุมสัตว์จรจัด มีพื้นที่สะอาด ไม่มีขยะสะสม และมีการฉีดวัคซีนป้องกันอย่างต่อเนื่อง โอกาสเกิดโรคแทบเป็นศูนย์ แต่หากละเลย การระบาดสามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ ดังนั้นการดูแลสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่เพียงการรักษาความสะอาดเท่านั้น แต่คือการสร้างเกราะป้องกันชีวิตของคนและสัตว์ให้ปลอดภัยจากโรคร้ายที่ป้องกันได้ค่ะ ซึ่งต่อไปนี้คือภาพรวมของสิ่งแวดล้อมที่เชื่อมโยงไปหาการเกิดของโรคพิษสุนัขบ้าค่ะ 1. ขาดการให้ความรู้ด้านสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมในชุมชน เมื่อประชาชนขาดความรู้ด้านสุขอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันโรคที่มาจากสัตว์ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ปัญหาที่ตามมาคือการไม่สามารถแยกแยะพฤติกรรมหรืออาการของสัตว์ได้ เช่น สุนัขที่ซึม ก้าวร้าวผิดปกติ หรือมีน้ำลายฟูมปาก หากคนในชุมชนไม่รู้จักสังเกตสัญญาณเหล่านี้ ก็อาจเข้าไปสัมผัสหรือพยายามช่วยเหลือโดยไม่ระวังตัว ทำให้เสี่ยงต่อการถูกกัดหรือข่วนโดยไม่รู้ว่าเป็นอันตราย การขาดความเข้าใจในระดับพื้นฐานนี้ จึงกลายเป็นช่องทางสำคัญที่ทำให้โรคแพร่กระจายจากสัตว์สู่คนได้ง่ายขึ้น อีกประเด็นหนึ่งที่มักเกิดขึ้น คือ เมื่อถูกสัตว์กัดหรือข่วน ประชาชนจำนวนมากไม่รีบล้างแผลให้ถูกวิธี หรือไม่รู้ว่าควรไปฉีดวัคซีนภายในระยะเวลาใด เพราะไม่มีการให้ความรู้ที่เข้าถึงในระดับชุมชน พฤติกรรมการละเลย เช่น การใช้สมุนไพรหรือยาทาแทนการล้างแผลด้วยสบู่และน้ำสะอาด ทำให้ไวรัสที่อยู่ในน้ำลายสัตว์สามารถเข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง จึงส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการติดโรคพิษสุนัขบ้าเพิ่มขึ้น การรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการดูแลตนเองหลังถูกกัด และการสังเกตพฤติกรรมสัตว์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องทำควบคู่กับการฉีดวัคซีนและควบคุมสัตว์ในพื้นที่ค่ะ 2. ไม่มีระบบเฝ้าระวังโรคในสัตว์ การไม่มีระบบเฝ้าระวังโรคในสัตว์เป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำให้โรคติดต่อระหว่างสัตว์กับคน เช่น โรคพิษสุนัขบ้า ยังคงเกิดซ้ำในหลายพื้นที่ เพราะไม่มีการตรวจสอบอาการหรือพฤติกรรมของสัตว์ที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง หากสุนัขหรือแมวเริ่มแสดงอาการก้าวร้าว ซึม ไม่กินอาหาร หรือมีน้ำลายฟูมปาก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานท้องถิ่นเข้ามาตรวจสอบและรายงาน ก็จะทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังสัตว์ตัวอื่นอย่างรวดเร็ว ความล่าช้าในการรับรู้ข้อมูลทำให้ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้ทันท่วงที นอกจากนี้ชุมชนจำนวนมากยังไม่มีระบบรายงานโรคในสัตว์ที่เป็นรูปธรรม เช่น ไม่มีช่องทางให้ชาวบ้านแจ้งเหตุสัตว์ตายผิดปกติ หรือไม่มีการเก็บข้อมูลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ จึงส่งผลให้การเฝ้าระวังเชิงป้องกันแทบทำไม่ได้เลย หากมีการสร้างระบบเฝ้าระวังร่วมกันระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ หน่วยงานท้องถิ่น และอาสาสมัครสาธารณสุข จะช่วยให้สามารถตรวจพบการระบาดได้ตั้งแต่ต้น และดำเนินการฉีดวัคซีนหรือกักกันสัตว์ได้ทันท่วงที ถือเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันระดับชุมชนที่ป้องกันโรคได้อย่างยั่งยืนค่ะ 3. การปล่อยสัตว์เลี้ยงให้เร่ร่อน การปล่อยสัตว์เลี้ยงให้เร่ร่อนเป็นหนึ่งในสาเหตุหลัก ที่ทำให้โรคพิษสุนัขบ้าแพร่กระจายในชุมชนค่ะ เพราะสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของดูแลมักไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคตามกำหนด เมื่อออกไปสัมผัสหรือกัดต่อสู้กับสัตว์ตัวอื่นที่อาจมีเชื้อ ก็สามารถติดเชื้อและแพร่กระจายต่อได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งสัตว์เร่ร่อนยังมักเข้าไปหาอาหารในกองขยะหรือพื้นที่สาธารณะ ทำให้เกิดการปะปนระหว่างสัตว์ป่วยกับคนในพื้นที่โดยไม่รู้ตัว การขาดความรับผิดชอบของเจ้าของสัตว์ จึงไม่เพียงส่งผลต่อสุนัขหรือแมวเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยต่อสุขอนามัยของทั้งชุมชน เมื่อสัตว์เร่ร่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้น พื้นที่ชุมชนจะกลายเป็นแหล่งเสี่ยงที่ควบคุมได้ยาก ทั้งในด้านการแพร่โรค การสร้างความสกปรก และการถูกรบกวนจากเสียงเห่าหอน การแก้ปัญหานี้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งเจ้าของสัตว์ที่ควรเลี้ยงอย่างมีความรับผิดชอบ หน่วยงานท้องถิ่นที่ควรจัดโครงการทำหมันและฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการให้ความรู้แก่ประชาชนเรื่องการเลี้ยงสัตว์อย่างปลอดภัย เพื่อให้สัตว์เลี้ยงและคนอยู่ร่วมกันในสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และปราศจากโรคค่ะ 4. พื้นที่ชุมชนไม่มีการควบคุมประชากรสัตว์ เมื่อพื้นที่ชุมชนไม่มีการควบคุมประชากรสัตว์อย่างเป็นระบบ จำนวนสุนัขและแมว โดยเฉพาะที่ไม่มีเจ้าของ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ ปัญหานี้ไม่ได้กระทบเพียงความเป็นระเบียบของชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญของการแพร่ระบาดโรคพิษสุนัขบ้า เพราะสัตว์ที่ไม่ได้รับวัคซีนและอยู่รวมกันเป็นฝูง มักเกิดการกัดต่อสู้และถ่ายทอดเชื้อระหว่างกันได้ง่าย นอกจากนี้ยังเพิ่มโอกาสที่สัตว์เหล่านี้จะออกไปสัมผัสกับคน เด็ก หรือผู้สูงอายุในพื้นที่ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการถูกกัดโดยไม่รู้ตัว การควบคุมประชากรสัตว์ไม่ใช่แค่การจับหรือย้ายออกจากพื้นที่ แต่ควรเริ่มจากการทำหมัน การฉีดวัคซีน และการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทราบจำนวนและสถานะของสัตว์ในชุมชนอย่างชัดเจน หากหน่วยงานท้องถิ่นร่วมมือกับอาสาสมัครและประชาชนในการให้ความรู้และบริการอย่างทั่วถึง จะช่วยลดจำนวนสัตว์จร ลดภาระของเจ้าหน้าที่ และสร้างความปลอดภัยให้คนในชุมชน การจัดการประชากรสัตว์อย่างมีระบบ จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันโรคและสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนค่ะ 5. ขาดระบบจัดการขยะที่ดี การขาดระบบจัดการขยะที่ดีเป็นปัญหาพื้นฐาน ที่ส่งผลต่อสุขอนามัยของชุมชนโดยตรงค่ะ เพราะขยะที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่ หรือสะสมในบริเวณบ้านและตลาด จะกลายเป็นแหล่งอาหารของสุนัขและแมวจรจัด ทำให้สัตว์เหล่านี้มักรวมกลุ่มและเกิดการกัดต่อสู้กัน ซึ่งเพิ่มโอกาสในการแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้าได้อย่างรวดเร็ว ขยะอินทรีย์ที่เน่าเปื่อยยังเป็นแหล่งของจุลินทรีย์และดึงดูดแมลงวัน หนู หรือแม้แต่ค้างคาว ซึ่งเป็นพาหะของโรคติดต่อหลายชนิด ทำให้ปัญหาสิ่งแวดล้อมกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขไปพร้อมกัน ซึ่งชุมชนที่ไม่มีการแยกขยะ ไม่มีจุดทิ้งที่ถูกสุขลักษณะ หรือไม่มีการเก็บขยะอย่างสม่ำเสมอ มักจะประสบกับกลิ่นเหม็นและสภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย การจัดการขยะที่ดีจึงควรเริ่มตั้งแต่ระดับครัวเรือน เช่น การแยกขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และขยะทั่วไป รวมถึงการจัดวางถังขยะในที่มิดชิด ป้องกันไม่ให้สัตว์มาคุ้ยเขี่ยได้ หากหน่วยงานท้องถิ่นร่วมกับชุมชนวางระบบเก็บขยะอย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมการลดขยะต้นทาง จะช่วยลดปัญหาสัตว์พาหะและการแพร่โรคได้ในระยะยาวค่ะ 6. พื้นที่ชุมชนไม่มีการควบคุมประชากรสัตว์ เมื่อพื้นที่ชุมชนไม่มีการควบคุมประชากรสัตว์อย่างจริงจัง จำนวนสุนัขและแมวจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากการขาดการทำหมันและการปล่อยเลี้ยงโดยไม่ดูแล ทำให้เกิดฝูงสัตว์เร่ร่อนที่อาศัยอยู่ตามตลาด วัด หรือบริเวณบ้านเรือน สัตว์เหล่านี้มักไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าและมีโอกาสสัมผัสหรือกัดต่อสู้กัน จึงกลายเป็นแหล่งสะสมไวรัสโดยไม่รู้ตัว ความหนาแน่นของประชากรสัตว์ที่มากเกินไปในพื้นที่จำกัด ยังสร้างผลกระทบต่อสุขอนามัยชุมชน ทั้งในแง่ของเสียง กลิ่น และของเสียจากสัตว์ที่ยากต่อการจัดการ การควบคุมประชากรสัตว์จึงต้องดำเนินควบคู่กับการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ เช่น การทำหมัน การฉีดวัคซีนประจำปี และการขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงอย่างถูกต้อง หน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดโครงการทำหมันฟรี หรือบริการฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ เพื่อช่วยลดภาระเจ้าของสัตว์และสร้างแรงจูงใจให้เข้าร่วมมากขึ้น หากมีระบบข้อมูลสัตว์ในชุมชนที่ชัดเจนและการติดตามผลต่อเนื่อง จะสามารถควบคุมจำนวนสัตว์ได้ในระดับที่เหมาะสม และลดความเสี่ยงของการแพร่โรคจากสัตว์สู่คนได้อย่างยั่งยืนค่ะ 7. การเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ตรวจสุขภาพ การเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ตรวจสุขภาพเป็นช่องทางสำคัญ ที่ทำให้โรคติดต่อจากสัตว์ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า แพร่กระจายจากพื้นที่หนึ่งไปสู่อีกพื้นที่หนึ่งอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการย้ายถิ่นฐาน อพยพหนีน้ำท่วม หรือการขนสัตว์เพื่อจำหน่ายในตลาด หากสัตว์ที่ถูกเคลื่อนย้ายมีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย แม้ยังไม่แสดงอาการ ก็สามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการกัด ข่วน หรือสัมผัสน้ำลายกับสัตว์ตัวอื่นระหว่างทาง ปัญหานี้ยิ่งรุนแรงเมื่อไม่มีระบบตรวจคัดกรอง หรือออกใบรับรองสุขภาพสัตว์ก่อนการขนย้าย ซึ่งทำให้ยากต่อการติดตามแหล่งที่มาของโรคเมื่อเกิดการระบาด การป้องกันปัญหานี้จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดจากหน่วยงานท้องถิ่นและสัตวแพทย์ในพื้นที่ เช่น การออกใบอนุญาตเคลื่อนย้ายสัตว์หลังผ่านการตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีนครบถ้วน รวมถึงการเฝ้าระวังสัตว์ที่ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาใหม่ในชุมชนให้ครบระยะกักกัน เพื่อสังเกตอาการก่อนปล่อยเข้าสู่ฝูง การให้ความรู้แก่เจ้าของสัตว์และพ่อค้าเกี่ยวกับความเสี่ยงของการขนย้ายสัตว์ที่ไม่ได้รับการตรวจ จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่ช่วยลดการแพร่โรคได้ในระดับต้นน้ำ สร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้เลี้ยงและคนในชุมชนอยู่ร่วมกับสัตว์อย่างปลอดภัยค่ะ 8. พื้นที่สาธารณะไม่มีการจัดการสัตว์จรจัด พื้นที่สาธารณะ เช่น วัด ตลาด โรงเรียน หรือสนามเด็กเล่น มักกลายเป็นแหล่งพักพิงของสุนัขและแมวจรจัด เมื่อไม่มีระบบจัดการที่เหมาะสม การที่สัตว์เหล่านี้อยู่รวมกันโดยไม่มีการฉีดวัคซีนหรือทำหมัน ทำให้เกิดการแพร่พันธุ์และแพร่โรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคพิษสุนัขบ้าที่สามารถติดต่อผ่านการกัดหรือข่วนค่ะ ซึ่งผู้คนที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน เช่น เด็กหรือผู้สูงอายุ จึงเสี่ยงต่อการถูกสัตว์ทำร้ายโดยไม่ทันระวัง อีกทั้งเศษอาหารและขยะในพื้นที่ยังดึงดูดให้สัตว์เร่ร่อนเข้ามามากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ส่งผลทั้งต่อคนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว การจัดการสัตว์จรจัดในพื้นที่สาธารณะ ควรเริ่มจากการสำรวจจำนวนสัตว์ในพื้นที่และจัดโครงการทำหมัน ฉีดวัคซีน รวมถึงติดเครื่องหมายเพื่อระบุตัวตนของสัตว์ที่ได้รับการดูแลแล้ว นอกจากนี้ควรมีการจัดมุมให้อาหารที่ปลอดภัยและสะอาด เพื่อลดการคุ้ยขยะหรือการแย่งอาหารกันในหมู่สัตว์ พร้อมทั้งให้ความรู้ประชาชนเรื่องการไม่ทิ้งสัตว์เลี้ยงหรือให้อาหารในที่สาธารณะโดยไม่จัดการอย่างเหมาะสม หากชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นร่วมมือกันสร้างระบบดูแลสัตว์จรอย่างมีระเบียบ จะช่วยลดการแพร่โรคและสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างยั่งยืนค่ะ 9. การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ เช่น ภาวะโลกร้อน น้ำท่วมใหญ่ ภัยแล้ง หรือการขยายพื้นที่เมือง ล้วนส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนย้ายและพฤติกรรมของสัตว์ทั้งเลี้ยงและสัตว์ป่า เมื่อน้ำท่วมหรือที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์ถูกทำลาย สัตว์เหล่านี้จะย้ายเข้ามาใกล้ชุมชนมากขึ้น ทำให้เกิดการปะปนระหว่างสัตว์เลี้ยงกับสัตว์ป่าที่อาจมีเชื้อไวรัสพิษสุนัขบ้าได้ง่ายขึ้น การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและความชื้นยังส่งผลต่ออัตราการอยู่รอดของเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อม ทำให้เชื้อสามารถคงอยู่ได้นานและเพิ่มโอกาสการแพร่กระจายสู่คนและสัตว์อื่นในพื้นที่ค่ะ ในระยะยาวการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศยังมีผลต่อระบบนิเวศ เช่น การลดลงของอาหารในธรรมชาติ การเพิ่มจำนวนสัตว์เร่ร่อน และการเปลี่ยนเส้นทางอพยพของสัตว์ป่า ซึ่งทั้งหมดนี้สร้างความท้าทายต่อการควบคุมโรคที่มีสัตว์เป็นพาหะ การปรับตัวของชุมชนจึงควรเริ่มจากการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น การกำจัดขยะ ปรับปรุงแหล่งน้ำ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมถึงการเฝ้าระวังโรคในสัตว์หลังเกิดภัยพิบัติ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าและโรคติดต่ออื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ค่ะ ก็จบแล้วค่ะ จะเห็นได้ว่ามีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดของโรคพิษสุนัขบ้า อย่างไรก็ตามโรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ยังคงเกิดซ้ำในหลายพื้นที่ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการละเลยด้านสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยในชุมชน ทั้งการปล่อยสัตว์ให้เร่ร่อน การขาดระบบจัดการขยะ การเคลื่อนย้ายสัตว์โดยไม่ตรวจสุขภาพ รวมถึงการไม่มีระบบเฝ้าระวังโรคในสัตว์ การมองข้ามปัจจัยเหล่านี้ทำให้เชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายได้อย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้ตัว การเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสะอาด แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยของชีวิตทั้งคนและสัตว์ในชุมชนเดียวกัน โดยเมื่อเราตระหนักว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมเกี่ยวข้องโดยตรงกับสุขอนามัยและโรคติดต่อ การจัดการจึงไม่ควรถูกผลักให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งเท่านั้น แต่ควรเป็นความร่วมมือของทุกคนในชุมชน ซึ่งการเลี้ยงสัตว์อย่างมีความรับผิดชอบ การฉีดวัคซีนประจำปี การแยกขยะอย่างถูกวิธี และการรายงานเมื่อพบสัตว์ป่วยหรือตายผิดปกติ ล้วนเป็นการมีส่วนร่วมที่สำคัญในการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืน เพราะสุขอนามัยสิ่งแวดล้อมเริ่มจากพฤติกรรมของเราทุกคนค่ะ และการเห็นความสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่เพียงการลดความเสี่ยงจากโรค แต่ยังเป็นการสร้างสังคมที่เอื้ออาทรและปลอดภัยสำหรับทั้งคนและสัตว์ การดูแลพื้นที่รอบตัวให้สะอาด การให้ความรู้กันในชุมชน และการร่วมกันเฝ้าระวังโรค คือรากฐานของสังคมที่เข้มแข็งและยั่งยืน เมื่อเราดูแลสิ่งแวดล้อมได้ เราก็กำลังดูแลชีวิตของเราและคนรอบข้างไปพร้อมกันค่ะ ซึ่งถ้าจะถามผู้เขียนว่าสำหรับที่นี่ผู้เขียนเจอสาเหตุอะไรมาบ้าง ต้องบอกว่าเคยเจอสาเหตุในส่วนขยะ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เจอการมีสุนัขจรจัด แต่โดยส่วนตัวแล้วยังไม่เคยเจอสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าค่ะ แต่เคยได้ยินแม่เล่าให้ฟังว่าสมัยตอนแม่เป็นสาวนั้น คนในชุมชนได้ติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่แม่ยังจำภาพได้ค่ะ ว่าคนๆ นั้นมีน้ำลายฟูมปาก เห่าหอนเหมือนหมา จนต้องกักตัวไว้ ที่สุดท้ายก็เสียชีวิตค่ะ และถ้าพูดถึงการป้องกันสำหรับที่นี่นั้น ล่าสุดได้มีการทำหมันสุนัขจรจัดตามที่ต่างๆ โดยทางเทศบาล ที่ก่อนหน้านั้นจะเป็นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ที่ให้เจ้าของพาสุนัขมาและขึ้นทะเบียนด้วยว่าสัตว์เลี้ยงชื่อว่าอะไร อายุ และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องค่ะ อย่างไรก็ตามหากเราทุกคนร่วมมือกันและมองเรื่องการป้องกันโรคเป็นด่านแรก ในการดูแลด้านสุขอนามัยของตัวเองและคนที่เรารัก การหันมาใส่ใจในการจัดการสิ่งแวดล้อมรอบตัวก็ไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะสุขอนามัยดีเริ่มจากสิ่งรอบตัวที่เราช่วยกันดูแลในทุกวันนะคะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #โรคพิษสุนัขบ้า #การป้องกันโรคจากสัตว์ #สุนัขจรจัด #RabiesPrevention #EnvironmentalHealth เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,4 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 - ภาพที่ 3 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 สาเหตุของเห็บหมัดไรในสุนัข มาขึ้นบ้าน และกัดคน คืออะไรบ้าง 9 แนวทางสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมสุขอนามัย ทำไงดี 9 ความเสี่ยงจากการทำงาน ในสวนสัตว์เปิด มีอะไรบ้าง ที่ต้องรู้ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !