พี่น้องนักดนตรี และศิลปินงานเลี้ยง กระทบหนัก วอนรัฐช่วยเหลือ หลังถูกตัดสิทธิ์
พี่น้องนักดนตรี และศิลปินงานเลี้ยง กระทบหนัก วอนรัฐช่วยเหลือ หลังถูกตัดสิทธิ์ ไม่เข้าเกณฑ์ อดรับเงินเยียวยา 5 พันบาท
พี่น้องนักดนตรีและศิลปินงานเลี้ยง กระทบหนัก วอนรัฐช่วยเหลือ / ในภาวะโรคที่เกิดจากไวรัส โควิด-19 ระบาดหนัก ทำให้หลายคนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ทางด้านรัฐบาล จึงมีนโยบาย มอบเงินข่วยเหลือ เพื่อเยียวยาประชาชน คนละ 5,000 บาท โดยให้ประชาชนลงทะเบียน เพื่อขอรับเงินผ่านทางเว็บไซต์ “เราไม่ทิ้งกัน” โดยมีผู้ลงทะเบียน ทั้งหมดกว่า 27 ล้านคน และหลายคนถูกระบบคัดกรองปฏิเสธ ไม่ได้รับสิทธิ์รับเงินเยียวยาดังกล่าว
มีกลุ่มคนอยู่อีกอาชีพหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ โควิด-19 ระบาด คือกลุ่มศิลปินนักดนตรี-นักร้องรับจ้าง โดยกลุ่มคนเหล่านี้ได้รวมกลุ่มกัน และเรียกกลุ่มตนเองว่า “พี่น้องนักดนตรี และศิลปินงานเลี้ยง” ได้เขียนจดหมายถึงเพจข่าวสด เพื่องเรียกร้องให้เป็นกระบอกเสียง ในการกระจ่ายข่าวความยากลำบากในการดำรงชีวิต จากผลกระทบวิกฤตการโควิด-19 ระบาด
“ข้าพเจ้า นาย จารุกิตติ์ สุขล้อม (ทีมงานเบิร์ด โปรโมชั่น) เป็นตัวแทนของพี่น้องนักดนตรี และศิลปิน งานเลี้ยง จะขอความกรุณาทาง ข่าวสด ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้พวกเราในการเรียกร้องสิทธิ์จากเงินเยียวยาจากทางภาครัฐ
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.ทางผมขอเรียกร้อง จากสมาชิกเพจรวมพลคนทำงานสถานบันเทิง+คนกลางคืนและเงินเยียวยา ให้ทางภาครัฐ ช่วยเหลือ เรื่องเงินเยียวยา 5000 บาท แก่ทางสมาชิกเพจทุกคนที่มีตัวตน และสามารถตรวจสอบได้ โดยทางเพจจะจัดหาหลักฐานการเป็นศิลปินของทุกคนรวบรวมส่งให้ทางภาครัฐตรวจสอบ
2.หลังจากทางเพจได้รับการติดต่อกลับจากทางภาครัฐ ทางเพจจะจัดตั้งสมาคมรวบรวมสมาชิกทุกคนเพื่อจัดทำประวัติ โดยไม่มีการเรียกรับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น โดยทางสมาคมจะมีเงินช่วยเหลือสมาชิก ในกรณีฉุกเฉิน จากการระดมทุน เป็นกรณีไป แล้วเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบในภายภาคหน้า
ผู้สื่อข่าว ข่าวสดออนไลน์ จึงได้ติดต่อไปยัง นายจารุกิตติ์ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบ หลังจากเกิดเหตุการณ์โควิด-19ระบาด
ก่อนที่จะมีโรคระบาด อาชีพนี้มีรายได้เฉลี่ยเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง
“ก่อนที่จะมีโรคระบาด อาชีพของเราทุกคนมีงานอย่างต่ำเฉลี่ย 4-5 งานต่ออาทิตย์ รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 4,000-5,000 บาทต่อคน แต่เมื่อมีโรคระบาดเกิดขึ้น เราโดนยกเลิกงานทั้งหมดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทำให้ขาดรายได้เป็นจำนวนมาก”
แล้วได้มีการปรับตัวอย่างไรบ้างก่อนที่จะมีการรับเงินเยียวยา
“ทุกคนได้พยายามดิ้นรนหาหนทางในการหารายได้ ทั้งขายเสื้อผ้า ขายของ แต่ก็ไม่มีคนมาซื้อ เนื่องจากทุกคนไม่อยากที่จะออกไปไหน และไม่อยากใช้จ่ายกับสิ่งของที่ไม่จำเป็น ทุกคนจะใช้จ่ายแต่กับค่าอาหาร”
แล้วทำไมถึงไม่ค้าขายออนไลน์ หรือขายอาหารแทน
“อย่างที่ทราบกันดีว่าตอนนี้ทุกคนไม่ใช้จ่ายกับสิ่งของที่ไม่จำเป็นนอกจากอาหาร ไม่ว่าจะขายทางออนไลน์ก็ไม่มีผู้ซื้ออยู่ดี และการขายอาหาร อาชีพของเราไม่ใช่ว่าจะมีความสามารถด้านการทำอาหารขาย และในสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ธุรกิจด้านการขายอาหารมีมากขึ้น ผู้คนก็ต้องเลือกร้านที่ดูดีมีคุณภาพ หรือมีชื่อเสียง เพราะด้วยความเป็นห่วงในการรักษาความสะอาด ถ้าเราทำขายผู้ซื้อก็ไม่ทราบว่าเราจะทำสะอาดแค่ไหน หรือว่ารสชาติเป็นอย่างไร จึงเลือกที่จะซื้ออาหารของร้านที่มีชื่อเสียง หรือร้านที่เคยซื้อและไว้ใจได้”
อาชีพนี้ได้รับผลกระทบจากการขาดรายได้อย่างไรบ้าง
“ไม่มีเงินในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทั้งค่าของใช้และค่าอาหารการกิน รวมถึงยังมีรายจ่ายในการจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟและหนี้สินในการผ่อนค่าเช่าบ้าน ค่างวดรถ ค่าอาหารของสัตว์เลี้ยง อีกทั้งบางคนยังมีค่ารักษาโรคประจำตัวที่จะต้องเดินทางไปรับยาทุกๆเดือน บางคนเป็นเสาหลักของบ้านในการหารายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว เมื่อขาดรายได้ทำให้ไม่มีเงินมาส่งเสียพ่อแม่และคนในครอบครัว บางครอบครัวมีลูกที่ยังต้องมีค่าใช้จ่ายเยอะเช่น ค่านม ค่าของใช้ลูก และบางครอบครัวไม่ได้มีลูกเพียงคนเดียว”
เกาะติดข่าวโควิด กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account
ทางภาครัฐมีการสนับสนุนเงินเยียวยา ได้ลงทะเบียนหรือยัง ผลตอบรับเป็นอย่างไร
“ทุกคนที่เป็นสมาชิกได้ทำการลงทะเบียนรับเงินเยียวยาในโครงการเราไม่ทิ้งกัน เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อขั้นตอนการตรวจสอบ ได้ตรวจสอบแล้ว ผลตอบรับคือไม่มีสิทธิ์รับเงินเยียวยาโดยบางคนโดนแจ้งเข้ามาว่าเป็นเกษตรกร หรือเป็นเจ้าของธุรกิจ จึงไม่มีสิทธิ์ในการรับเงินเยียวยา”
แล้วถ้าไม่เข้าเกณฑ์ในการรับเงิน ต้องการให้ภาครัฐช่วยอย่างไร
“ถ้าไม่เข้าข่ายหลักเกณฑ์ก็อยากให้ภาครัฐช่วยพิจารณา หรือช่วยเหลือในเรื่องนี้ใหม่ เพราะอาชีพนี้หรือแม้ว่าจะเป็นอาชีพไหน ก็ได้รับความเดือดร้อนและผลกระทบจากสถานการณ์ของโรคระบาดนี้เหมือนกัน ทุกคนทุกอาชีพมีรายได้ที่ลดลงเยอะมาก หรือไม่มีรายได้เลยอย่างอาชีพของเรา รายได้ลดลง ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายยังเท่าเดิมและเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากข้าวของขึ้นราคา ถ้าเราไม่มีรายได้แบบนี้ เราจะนำเงินที่ไหนมาใช้จ่าย”
ถ้าได้รับเงินเยียวยาจะสามารถช่วยเหลืออะไรได้บ้าง
“จะสามารถช่วยเหลือค่าใช้จ่ายหลายๆอย่างได้ทั้งค่าของใช้ ค่าอาหาร รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพราะถ้าได้รับเงินเยียวยาไม่ใช่แค่ตัวเราที่ได้ประโยชน์ ยังมีคนในครอบครัวอีกหลายคนที่ได้ใช้ในเรื่องของค่าอาหารและค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้สามารถต่อชีวิตพวกเราได้
ด้าน นายเดชา วงษ์พิชิต (ทีมงาน เดชา กรุ๊ป) สมาชิกอีกรายหนึ่ง ได้พูดถึงผลกระทบจากปัญหาเรื่องโควิด-19 ว่า
“การที่รัฐบาลประกาศห้ามมีการรวมตัวรวมกลุ่มกัน จึงส่งผลกระทบ มาถึงการจัดงานบันเทิง รื่นเริงต่างๆ งานวัด งานบวช งานแต่ง งานประชุมสัมนา งานรีสอร์ท และกิจกรรม อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ นักร้อง นักดนตรี เวที เครื่องเสียง ออร์แกไนซ์ ได้ถูกยกเลิกงานตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทำให้ทุกคนขาดรายได้ จนทำให้ทุกคนไม่มีเงินที่จะส่ง ค่าเช่าบ้าน / ค่าผ่อนรถ /ค่าผ่อนบัตรเครดิต / ค่าผ่อนเครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าซื้ออาหาร ค่าใช้จ่ายประจำวันก็แทบไม่มี นี่คือความเดือดร้อน โดยรวมของคนดนตรี ถ้าคิดจากรายได้ของนักร้อง นักดนตรี แดนซ์ ในหนึ่งอาทิตย์ จะมีงานเฉลี่ย 4 วันเป็นอย่างน้อย รายได้ที่ได้รับก็จะอยู่ที่คนละประมาณ 4 -5 พันบาทต่อคน และมาตอนนี้ทุกคนตกงานไม่มีเงินเข้ามาในครอบครัวเลย แต่รายจ่ายยังมีเท่าเดิมและไม่มีเงินไปจ่ายอีกด้วยครับ นี่คือปัญหาของน้องๆ พี่ๆทุกคนที่ประกอบอาชีพคนดนตรีครับ”
อ่านข่าว : รัฐบาลโต้ถังแตก! เงินเยียวยา 5 พัน มีพอจ่าย กู้เงินเพราะใช้ประโยชน์เพิ่ม