หนังสือการเงินที่ว่าด้วยเรื่องของเงินจอมปลอม ครูจอมปลอม และทรัพย์สินจอมปลอม ทั้งสามสิ่งนี้เป็นความจอมปลอมซึ่งเป็นที่มาของคำว่า FAKE การเงินลวงโลก Robert T. Kiyosaki ผู้แต่งหนังสือชื่อดังจากผลงานหนังสือพ่อรวยสอนลูก ครั้งนี้เขาไม่ได้จะถ่ายทอดความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐานอีกแล้ว แต่จะแสดงให้เราเห็นแบบเชิงลึกว่า ทำไมสิ่งที่ระบบสังคมโลกเราที่เป็นอยู่ถึงทำให้เราขาดความรู้ทางการเงิน เราต้องตั้งใจเรียน ทำงานให้ดี เก็บออมให้มาก แต่นั่นก็ไม่ใช่ทางออกของปัญหา เพราะภาวะวิกฤติทางสังคมได้กัดกินความมั่งคั่งของเราไปเรื่อยๆ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าคนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนยิ่งจนลง ส่วนคนชั้นกลางไม่มีอยู่จริง พวกเขากำลังจะเป็นคนรวยไม่ก็เป็นคนจนอย่างใดอย่างหนึ่ง เนื้อหาภายในเล่มภาค 1 เงินจอมปลอม ว่าด้วยเรื่องของเงินในระบบที่รัฐบาลสามารถพิมพ์เงินออกมาได้ต่อเนื่องตามกลไกทางเศรษฐกิจ ภาค 2 ครูจอมปลอม ว่าด้วยเรื่องของครูในโรงเรียนที่สอนอะไรเราตั้งมากมาย แต่ไม่อาจพาไปถึงอิสรภาพทางการเงินได้ แม้จะได้ทำงานที่ดี เงินเดือนสูง แต่ถ้าต้องเกษียณ หรือถูกปลดคนงานออก มันก็ไม่มีความหมาย ภาค 3 ทรัพย์สินจอมปลอม ว่าด้วยเรื่องราวของสาเหตุที่ว่าทำไมคนจนและคนชั้นกลางถึงจนลงเรื่อยๆ การหวังถึงเงินเกษียณไม่มีความหมายในยุคนี้ สิ่งที่ประทับใจภายในเล่มในมุมมองของครีเอเตอร์ ได้เรียนรู้ว่านักการเมืองของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพวกหัวกะทิเรียนดีได้ออกแบบระบบและข้อตกลงที่ทำให้ตนเอาตัวรอดได้อย่างไรบ้าง เช่น สมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ที่ตัดสินใจดึงเอาค่าเงินดอลล่าร์ออกจากมาตรฐานทองคำ ได้เรียนรู้ว่าทองคำเปรียบได้กับเงินของพระเจ้า เงินธนบัตร เงินเหรียญถือเป็นเงินจากรัฐบาลที่สั่งให้พิมพ์เงินจัดทำออกมาอย่างต่อเนื่อง มูลค่าของมันจึงด้อยลงตามกลไกเศรษฐกิจ เรียกว่าเงินเฟ้อ การฝากเงินสดในธนาคารจึงถือว่าเงินด้อยค่าลงไปเรื่อยๆตามกาลเวลา ถือเป็นเงินจอมปลอม ตรงกันข้ามกับทองคำและแร่เงินที่มีค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา คนออมจึงกลายเป็นผู้แพ้ คือออมเงินอย่างเดียวแต่ไม่ได้ลงทุนในสินทรัพย์อะไรเลย ได้เรียนรู้ว่าครูจอมปลอม คือ คนที่สอนหนังสืออย่างเดียว โดยที่ชีวิตจริงเขาไม่เคยลงมือทำ อย่างหลักสูตร MBA ที่โรเบิร์ตเคยเรียนมา เขาก็เห็นได้ชัดว่าอาจารย์ผู้สอนไม่ได้เป็นผู้ประกอบการ เขาเลือกใช้คำยากๆในการสอน ซึ่งต่างจากผู้ประกอบการตัวจริงสอนด้วยวิธีที่เรียบง่ายกว่ามาก นี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนที่เรียนจบมาพบว่า สิ่งที่เรียนกับการทำงานจริง มันแตกต่างกันเหลือเกิน ได้เรียนรู้ว่าทรัพย์สินจอมปลอม คือ หุ้น ตราสารหนี้ พันธบัตร กองทุนรวม เหล่านี้คือทรัพย์สินกระดาษที่แม้จะลงทุนระยะยาวก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะได้ผลตอบแทนที่ดี นานวันเข้าตลาดหุ้นผันผวนเจอสถานการณ์วิกฤติ ผลตอบแทนกลายเป็นติดลบขาดทุนหนัก นี่คือความหมายของทรัพย์สินจอมปลอม ทั้งนี้คนลงทุนไม่เป็น ก็มีค่าเท่ากับคนออมที่เป็นผู้แพ้ เงินเฟ้อจะทำลายเงินต้นก็จริงอยู่ แต่ถ้าลงทุนไม่เป็น ความเสียหายจะรุนแรงกว่ามาก ดังนั้น คนทำงานกินเงินเดือนที่ไม่มีความรู้ทางการเงิน การเลือกลงทุนในหุ้น กองทุนรวม ก็ยังดีกว่าคนที่ไม่ทำอะไรเลย ได้เรียนรู้ว่าโรเบิร์ตนิยามเงิน 3 รูปแบบ1.เงินของพระเจ้า คือทองคำและแร่เงิน2.เงินของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นสกุลของประเทศใดก็ตามแต่จะจัดอยู่ในหมวดนี้3.เงินของประชาชน เช่น Bitcoin Ethereum Zipcoin เป็นต้น ได้เรียนรู้ว่าเงินที่แท้จริง คือ สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน ซึ่งได้รับการยอมรับสำหรับธุรกรรมทางการเงิน สามารถเป็นหน่วยวัดมูลค่าได้ แม้เวลาผ่านไป มูลค่าของเงินก็ยังคงที่ นั่นทำให้เงินของรัฐบาลไม่เข้ากับนิยามของเงินที่แท้จริง ได้เรียนรู้ว่าเหตุที่คนเราไม่รวย เพราะเรามักถูกสอนในโรงเรียนว่าความล้มเหลวทำให้เราโง่ แต่ในชีวิตจริง การสร้างความผิดพลาดนั้นทำให้เรารวยขึ้น ถ้าความผิดพลาดนั้นยังไม่ถึงกับเป็นหายนะ และเราได้บทเรียนจากมันว่าสาเหตุของความผิดพลาดเกิดจากอะไร โรงเรียนบอกเราว่าการขอความช่วยเหลือคือการโกง คนเราต้องทำข้อสอบและแก้ปัญหาด้วยตัวเองคนเดียว แต่ในชีวิตจริงคนรวยทำงานกันเป็นทีม คนหาเช้ากินค่ำอย่างมากก็มีที่ปรึกษาทางการเงิน นายหน้าค้าหุ้น ค้าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคำแนะนำของเขาเน้นเรื่องขายของ แทนที่จะเป็นความรู้ทางการเงิน ในชีวิตจริงไม่เคยดูเกรดเฉลี่ยทางการศึกษา แต่จะดูกันที่กระแสเงินสดในงบการเงิน ได้เรียนรู้ว่าคนรวยรู้จักใช้หนี้เพื่อให้ตัวเองรวยขึ้น นอกจากนี้คนรวยนั้นมีวิธีไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย ได้เรียนรู้ว่าเศรษฐศาสตร์ไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน วิชาเศรษฐศาสตร์ยืนอยู่บนความเชื่อว่าคนจะมีเหตุผลในเวลาที่พูดถึงเรื่องของเงิน เศรษฐศาสตร์ถือเป็นศาสตร์แบบอ่อน (soft science) มันไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดอันเข้มงวดของวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง ได้เรียนรู้ว่าซาโตริ ในทางศาสนาหมายถึงชั่วพริบตาแห่งการตื่นรู้ การที่โรเบิร์ตสามารถกู้เงินมาลงทุนในอสังหาฯได้โดยไม่ต้องใช้เงินตัวเองเป็นครั้งแรกได้นั้น ก็นับเป็นประสบการณ์ซาโตริของเขาอย่างหนึ่ง เพื่อที่ชีวิตนี้จะได้ไม่ต้องพึ่งพารายได้จากงานประจำเพียงอย่างเดียว ทั้งหมดนี้เราได้เห็นแนวคิดของผู้ประกอบการที่เขาอยากให้ผู้อ่านได้เข้าใจมุมมองทางการเงินมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการทำงานและการบริหารของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ก่อหนี้เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยที่พวกนักการเมืองยังรอดสบายตัวไปได้ สิ่งนี้ยังคงเกิดขึ้นกับรัฐบาลประเทศอื่นๆทั่วโลกอีกด้วย โลกที่มีรายจ่ายจำเป็นมากขึ้น ขณะที่รายได้ยังมีไม่มากพอ เรื่องเหล่านี้มีกลไกของมันอยู่ และได้รับการถ่ายทอดผ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว แม้จะไม่ได้ถ่ายทอดอย่างละเอียดแต่มันทำให้ครีเอเตอร์ตระหนักว่าเกมการเงินที่เราเสียเปรียบเป็นเรื่องที่น่ากลัว เครดิตภาพภาพปก โดย kstudio จาก freepik.comภาพที่ 1 2 และ 3 โดยผู้เขียนภาพที่ 4 โดย vecstock จาก freepik.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูกรีวิวหนังสือ พ่อรวยสอนลูก เงินสี่ด้านรีวิวหนังสือ WHY THE RICH ARE GETTING RICHER (ทำไมคนรวยยิ่งรวยขึ้น)รีวิวหนังสือพ่อรวยสอนลูก เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะเป็นเจ้าของธุรกิจ (Rich dad's Before you quiz your job)รีวิวหนังสือ โรงเรียนสอนธุรกิจ สำหรับคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น (The Business School for people who like helping people) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !