9 ทริคจัดสภาพแวดล้อม ในที่อยู่อาศัย เพื่อส่งเสริม Longevity อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล บ้านคือสถานที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุดในแต่ละวัน และสภาพแวดล้อมในบ้านมีผลโดยตรงต่อสุขอามัยของเรา ทั้งทางร่างกายและจิตใจ หากบ้านอับชื้น ไม่ถ่ายเทอากาศ มีเสียงรบกวน หรือเต็มไปด้วยของสะสม อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้า เครียด และพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ในทางกลับกันบ้านที่สะอาด โปร่งโล่ง มีแสงธรรมชาติและบรรยากาศที่สงบ จะช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดียิ่งขึ้น ทำให้เรานอนหลับสบาย มีพลังในการใช้ชีวิต และลดความเสี่ยงของความเจ็บป่วยเรื้อรัง ดังนั้นการปรับบ้านจึงไม่ใช่เพียงเรื่องความสวยงาม แต่เป็นการลงทุนด้านสุขอนามัยในระยะยาวค่ะ ซึ่งการจัดสภาพแวดล้อมในบ้าน เพื่อสนับสนุนการมีชีวิตแบบ Longevity นั้น ก็ไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างพร้อมกันค่ะ แต่ให้การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ และทำสม่ำเสมอ แบบนี้ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ได้เหมือนกันนะคะ ส่วนจะมีอะไรที่ต้องทำบ้างนั้น ในบทความนี้ผู้ขียนรวบรวมมาให้แล้วค่ะ เมื่อคุณผู้อ่านอ่านจบแล้วและนำไปปรับใช้ที่บ้าน ไม่เพียงแต่จะทำให้ที่อยู่อาศัยน่าอยู่เท่านั้นนะคะ แต่เรายังจะเริ่มรู้สึกได้ว่าบ้านที่เราอยู่มีส่วนช่วยส่งเสริมสุขอนามัยให้ดีขึ้นในทุกวันด้วย และต่อไปนี้คือ 9 ทริคจัดสภาพแวดล้อม ในบ้านหรือที่อยู่อาศัยของเรา เพื่อส่งเสริมการมีชีวิตที่ยืนยาวค่ะ 1. จัดพื้นที่ให้โปร่งโล่งและถ่ายเทอากาศดี การจัดพื้นที่ในบ้านให้โปร่งโล่งเป็นพื้นฐานสำคัญของสุขอนามัยที่ดีค่ะ โดยเราควรเริ่มจากการวางเฟอร์นิเจอร์ให้มีระยะทางเดินที่สะดวก ไม่บังทางลม เปิดหน้าต่างหรือประตูที่อยู่คนละด้าน เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยขับความชื้นและกลิ่นอับออกจากบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ การมีอากาศใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยลดการสะสมของสิ่งสกปรก ฝุ่น และสารก่อภูมิแพ้ที่อาจทำให้เราเจ็บป่วย นอกจากนี้บ้านที่โปร่งโล่งยังช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้มากขึ้น ทำให้บรรยากาศสว่างและดูสะอาดตาค่ะ การใช้พัดลมดูดอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศก็เป็นอีกตัวช่วยที่เหมาะสม โดยเฉพาะในบ้านที่อยู่ในเขตเมืองหรือพื้นที่ที่มีฝุ่นควันมาก การมีระบบระบายอากาศที่ดีทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้น ลดกลิ่นสะสมและป้องกันปัญหาสุขอนามัยในระยะยาว เพราะบ้านที่ถ่ายเทอากาศได้ดีจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสบาย สดชื่น ไม่อึดอัด และยังช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการพักผ่อน และการทำกิจกรรมในแต่ละวันอีกด้วยนะคะ 2.ปลูกต้นไม้ในบ้านเพื่อฟอกอากาศ หลายคนยังไม่รู้ว่า การปลูกต้นไม้ในบ้านเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้สภาพแวดล้อมของเราสดชื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะต้นไม้บางชนิดมีคุณสมบัติช่วยดูดซับสารพิษในอากาศ ที่มักมาจากเฟอร์นิเจอร์ สีทาผนัง และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด การเลือกต้นไม้ที่เหมาะสม เช่น ลิ้นมังกร เดหลี พลูด่าง หรือยางอินเดีย มาวางตามมุมห้อง จะช่วยเพิ่มปริมาณออกซิเจนในอากาศ ทำให้เราหายใจสบายมากขึ้น บ้านจึงดูมีชีวิตชีวาและเป็นธรรมชาติ การมองเห็นสีเขียวของต้นไม้ยังช่วยลดความเครียด และทำให้ดวงตาได้พักจากการจ้องหน้าจอทั้งวัน และการดูแลต้นไม้ในบ้านยังสร้างกิจวัตรที่ดีให้กับชีวิต เพราะเราต้องรดน้ำ ตัดแต่งใบ และคอยสังเกตการเจริญเติบโตของต้นไม้ ซึ่งเป็นการฝึกสติและช่วยให้เราเชื่อมโยงกับธรรมชาติในทุกวัน การเลือกกระถางที่เข้ากับการตกแต่งบ้าน ก็ช่วยเพิ่มความสวยงามให้มุมต่างๆ ดูลงตัวมากขึ้น และถ้าเรามีพื้นที่เพียงพอ การจัดมุมสวนเล็กๆ ในบ้านเอาไว้ อาจกลายเป็นพื้นที่ผ่อนคลายที่เหมาะสำหรับทำสมาธิหรืออ่านหนังสือ บ้านที่มีต้นไม้ไม่เพียงสวยงาม แต่ยังทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นในระยะยาว เพราะอากาศสะอาดและจิตใจสงบส่งผลต่อสุขอนามัยโดยรวมค่ะ 3. จัดมุมแสงธรรมชาติให้เพียงพอ การจัดบ้านให้รับแสงธรรมชาติอย่างเพียงพอ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสุขอามัยทั้งกายและใจค่ะ โดยเราควรเปิดรับแสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า ควรเลือกใช้ผ้าม่านโปร่งที่ให้แสงผ่านได้ดี พื้นที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะยังช่วยให้บรรยากาศในบ้านดูสดใส ลดความชื้นและกลิ่นอับที่มักสะสมในมุมมืด นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราที่ชอบที่อับชื้น ทำให้บ้านสะอาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้การใช้สีผนังโทนสว่างหรือเพิ่มกระจกสะท้อนแสง ก็เป็นเทคนิคที่ช่วยขยายความสว่างให้ทั่วห้องโดยไม่ต้องพึ่งพาไฟฟ้ามาก การวางโต๊ะทำงานหรือมุมอ่านหนังสือใกล้หน้าต่างที่มีแสงธรรมชาติส่องถึง ช่วยให้เรามีสมาธิและลดอาการปวดตา การได้รับแสงแดดอย่างสมดุล ส่งผลให้เรานอนหลับได้ลึกและตื่นอย่างสดชื่นในตอนเช้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการมีสุขอนามัยแข็งแรงและอายุยืนอย่างมีคุณภาพค่ะ 4. ใช้สีและวัสดุที่เป็นมิตรกับร่างกาย หลายคนยังไม่รู้ว่า การเลือกสีและวัสดุตกแต่งบ้านที่เป็นมิตรกับร่างกาย เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างสภาพแวดล้อมเพื่อสุขอนามัยที่ดี โดยเราควรเลือกสีทาบ้านที่มีค่า VOC ต่ำหรือปราศจากสารระเหยที่เป็นอันตราย เพราะสารเหล่านี้อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และสะสมในร่างกายในระยะยาว การใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้จริง ผ้าฝ้าย หรือหวาย ช่วยลดการปลดปล่อยสารเคมีสังเคราะห์และทำให้บ้านรู้สึกอบอุ่นเป็นธรรมชาติ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่เคลือบสารพิษหรือกาวที่มีกลิ่นแรง ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อสุขอนามัยของเราค่ะ นอกจากนี้การเลือกสีโทนอบอุ่นอย่างสีเขียวอ่อน สีเอิร์ธโทน หรือสีครีม ยังช่วยให้บรรยากาศในบ้านสงบและผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย การหลีกเลี่ยงการใช้พรมที่กักเก็บฝุ่นมากเกินไป หรือการเลือกพรมที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติจะช่วยลดปัญหาภูมิแพ้ได้ ซึ่งวัสดุที่ทำความสะอาดง่ายยังช่วยให้เรารักษาความสะอาดได้สะดวกและลดแหล่งสะสมของจุลินทรีย์ การใช้วัสดุที่ปลอดภัยและไม่เป็นพิษถือเป็นการลงทุนด้านสุขอนามัยในระยะยาว เพราะช่วยให้เราหายใจได้สบายและใช้ชีวิตในบ้านอย่างมั่นใจค่ะ 5. จัดพื้นที่ทำอาหารให้ปลอดภัยและสะอาด ทุกคนรู้ไหมว่า การจัดครัวให้สะอาดและปลอดภัย คือ หัวใจของการสร้างสุขอนามัยที่ยั่งยืน ที่ควรเริ่มจากการวางแผนพื้นที่ให้มีโซนแยกชัดเจน ระหว่างการเตรียมอาหารดิบและอาหารสุก ใช้เขียงและมีดแยกชุดเพื่อลดการปนเปื้อนข้าม รวมทั้งมีพื้นที่ล้างผักและล้างมือที่สะดวก การจัดเก็บวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ เช่น การเรียงอาหารในตู้เย็นตามหมวดหมู่และตามวันหมดอายุ จะช่วยให้เราหยิบใช้งานง่ายและลดปัญหาการลืมอาหารจนเน่าเสีย นอกจากนี้เราควรติดตั้งระบบระบายอากาศในครัว เพื่อกำจัดควันและกลิ่นน้ำมัน ลดการสะสมของคราบเหนียวบนผนังและเพดาน การทำความสะอาดครัวเป็นประจำคืออีกขั้นตอนที่สำคัญ เราควรเช็ดเคาน์เตอร์และโต๊ะเตรียมอาหารทุกครั้งหลังใช้งาน เก็บเศษอาหารและถังขยะให้เรียบร้อยก่อนนอนเพื่อป้องกันสัตว์และแมลงพาหะนำโรค และเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ปลอดภัยต่ออาหารหรือสูตรธรรมชาติ เช่น น้ำส้มสายชูและเบกกิ้งโซดาสำหรับล้างคราบ การรักษาความสะอาดของอ่างล้างจาน ฟองน้ำ และผ้าเช็ดครัวก็ช่วยลดแหล่งสะสมสิ่งสกปรกได้ดี ครัวที่สะอาดและจัดเป็นระบบทำให้เรามีความสุขในการทำอาหารและมั่นใจว่าอาหารที่เสิร์ฟให้ครอบครัวปลอดภัยค่ะ 6. สร้างมุมผ่อนคลายและทำสมาธิ รู้ไหมคะว่าการมีมุมผ่อนคลายในบ้าน คือ วิธีเติมพลังใจที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยเราสามารถเลือกมุมที่เงียบและมีแสงธรรมชาติส่องถึง จากนั้นวางเบาะนั่งนุ่มๆ หรือเก้าอี้โยกเล็กๆ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสบาย ซึ่งการจัดโต๊ะเล็กสำหรับวางเทียนหอม หนังสือ หรือสมุดจดบันทึก เพิ่มพืชสีเขียวหรือดอกไม้เล็กๆ เพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ บรรยากาศเหล่านี้จะทำให้สมองค่อยๆ ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดที่สะสมมาจากการทำงานหรือการเดินทางในแต่ละวันค่ะ และการเพิ่มเสียงดนตรีเบาๆ หรือเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงน้ำไหลหรือเสียงนกร้อง จะช่วยให้สมาธิแน่วแน่และจิตใจสงบ การฝึกนั่งสมาธิหรือทำกิจกรรมที่ชอบในมุมนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบประสาทฟื้นตัวเร็วขึ้น และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้น มุมผ่อนคลายยังเป็นพื้นที่ที่เราสามารถใช้ในการวางแผนชีวิตหรือทบทวนเป้าหมายประจำวัน ทำให้บ้านเป็นมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่เป็นที่พักฟื้นใจและสร้างพลังสำหรับวันใหม่ค่ะ 7. จัดมุมออกกำลังกายภายในบ้าน การมีมุมออกกำลังกายภายในบ้าน ช่วยให้เราเคลื่อนไหวร่างกายได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสถานที่ภายนอก โดยเราสามารถเลือกมุมที่มีพื้นที่พอให้ยืดเหยียดได้สะดวก ปูเสื่อโยคะหรือแผ่นรองสำหรับออกกำลังกาย และเตรียมอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น ดัมเบลยาง ยางยืด หรือเชือกกระโดด เพื่อให้การออกกำลังกายหลากหลายขึ้น ควรเลือกพื้นที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอและอากาศถ่ายเทดี เพื่อป้องกันความอับชื้น การวางกระจกบานใหญ่บนผนังยังช่วยให้เราสังเกตท่าทางของตัวเอง ปรับท่าทางให้ถูกต้อง และสร้างแรงจูงใจได้เมื่อเห็นความก้าวหน้าของร่างกายค่ะ การจัดมุมนี้ให้น่าใช้เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เพราะจะทำให้เราอยากกลับมาออกกำลังกายทุกวัน การเปิดเพลงจังหวะที่ชอบหรือใช้น้ำมันหอมระเหยหรือเทียบหอม ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นพลังงานจะทำให้การออกกำลังกายไม่น่าเบื่อ เราอาจแขวนตารางออกกำลังกายหรือเขียนเป้าหมายไว้บนบอร์ดเล็กๆ เพื่อเตือนตัวเอง การมีมุมออกกำลังกายในบ้านไม่เพียงช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและควบคุมน้ำหนักได้ดี แต่ยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารแห่งความสุข ลดความเครียด และทำให้คุณภาพการนอนดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับการมีสุขอนามัยยืนยาวอย่างมีคุณภาพค่ะ 8. ลดแหล่งกำเนิดเสียงรบกวน คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า เสียงรบกวนที่มากเกินไปเป็นปัจจัยที่เร่งความเครียด และทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความเครียดสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้นอนหลับยาก ดังนั้นเราควรเริ่มจากการสำรวจแหล่งกำเนิดเสียงรอบบ้าน เช่น เสียงถนน เสียงเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเสียงภายในบ้านเอง จากนั้นจัดการลดเสียงที่ไม่จำเป็น เช่น ปรับตำแหน่งเครื่องซักผ้าให้ห่างจากพื้นที่พักผ่อน ติดยางกันสั่นใต้เฟอร์นิเจอร์ที่ทำเสียงดัง และปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งการติดม่านหนา ปูพรม หรือใช้ผ้าม่านผืนใหญ่ ก็มีส่วนช่วยดูดซับเสียงสะท้อนในห้อง ทำให้บ้านเงียบและน่าอยู่มากขึ้นได้ค่ะ และการเลือกหน้าต่างแบบกระจกสองชั้น หรือการใช้ซีลกันเสียงรอบกรอบประตู ก็ช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดี ถ้าเรามีห้องที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ห้องทำงานหรือมุมอ่านหนังสือ ควรเลือกห้องที่อยู่ห่างจากแหล่งเสียงมากที่สุด หรือเพิ่มฉนวนกันเสียงที่ผนังเพื่อสร้างพื้นที่สงบ การลดเสียงรบกวนทำให้สมองได้พักฟื้นเต็มที่ คุณภาพการนอนดีขึ้น และช่วยให้เราผ่อนคลายอย่างแท้จริง ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ Longevity เพราะร่างกายที่พักผ่อนเพียงพอจะซ่อมแซมตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ 9. เก็บบ้านให้เป็นระเบียบและลดของที่ไม่จำเป็น จริงๆ แล้วการเก็บบ้านให้เป็นระเบียบได้อะไรมากกว่าที่คิดคะ ที่เห็นไดชัดคือช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น ซึ่งการเริ่มต้นทำได้โดยการแยกของใช้ที่จำเป็นและไม่จำเป็นออกจากกัน โดยของที่ไม่ใช้เป็นเวลานานควรนำไปบริจาค ขายต่อ หรือรีไซเคิลเพื่อลดการสะสม และการใช้กล่องเก็บของ ตะกร้า หรือชั้นวางของที่เป็นหมวดหมู่จะช่วยให้หาของได้ง่ายขึ้น ลดความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน บ้านที่เป็นระเบียบยังทำความสะอาดง่าย ลดฝุ่นที่สะสมและปัญหาภูมิแพ้ โดยเฉพาะในห้องนอนและห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราใช้พักผ่อนมากที่สุดนะคะ และการลดของที่ไม่จำเป็นยังช่วยให้เราตระหนักถึงพฤติกรรมการซื้อของของตัวเอง ที่เราควรเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่มีคุณภาพและใช้ได้นาน เพราะทำให้บ้านไม่รกและยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย การมีพื้นที่ว่างมากขึ้นทำให้บ้านดูโปร่ง โล่ง และน่าอยู่ ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพจิต ลดความเครียดและความรู้สึกอึดอัด การเก็บบ้านเป็นกิจวัตรยังทำให้เราขยับร่างกายมากขึ้น เหมือนการออกกำลังกายเล็กๆ ในแต่ละวัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Longevity ที่เน้นการเคลื่อนไหวและการใช้ชีวิตอย่างมีสมดุลค่ะ ก็จบแล้วนะคะ พอจะมองเห็นภาพกันบ้างแล้วนะคะ อย่างไรก็ตามหลายคนเมื่ออ่านจบแล้วเกี่ยวกับแนวทางการจัดสภาพแวดล้อม เพื่อส่งเสริม Longevity อาจรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อนเกินไป แต่ในความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อพร้อมกันค่ะ เพราะการปรับเปลี่ยนทีละเล็กทีละน้อยที่ทำได้จริงในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้เราค่อยๆ สร้างนิสัยใหม่และรักษาไว้ได้ยาวนานกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อาจทำเพียงชั่วคราว บ้านไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันแรกหรอกค่ะ แต่ควรค่อยๆ กลายเป็นบ้านที่ช่วยดูแลสุขอนามัยของเราในระยะยาว เพราะบรรยากาศที่ดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อร่างกายและจิตใจอย่างมหาศาลแล้วนะคะ หากเรายังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนนั้น 3 สิ่งที่ผู้เขียนอยากแนะนำให้ทำก่อน คือ อย่างแรกจัดให้บ้านถ่ายเทอากาศได้ดี เปิดหน้าต่างหรือทำทางลมให้ลมหมุนเวียนเข้ามาในบ้านเป็นประจำ เพราะอากาศบริสุทธิ์ช่วยลดความชื้นและกลิ่นอับ ถัดมาให้เก็บบ้านให้เป็นระเบียบ ลดของที่ไม่จำเป็นออกจากบ้าน เพื่อให้ห้องโล่ง ดูสบายตา ทำความสะอาดง่าย ลดฝุ่นและแหล่งสะสมของสิ่งสกรก และอย่างสุดท้ายให้สร้างมุมผ่อนคลายเล็กๆ ที่ใช้พักใจ เช่น มุมนั่งสมาธิ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมเงียบๆ เพื่อให้จิตใจได้ฟื้นฟูทุกวัน โดยทั้งสามสิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่จะทำให้เรารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในเวลาอันสั้นและกระตุ้นให้เราอยากดูแลบ้านต่อเนื่องค่ะ และเมื่อเราทำ 3 อย่างข้างต้นจนเป็นกิจวัตรแล้ว เราอาจค่อยๆ ขยับไปทำสิ่งอื่นเพิ่ม เช่น การปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ การจัดครัวให้สะอาดปลอดภัย หรือการทำมุมออกกำลังกายที่ใช้งานได้จริง และรู้ไหมคะว่า บ้านที่ค่อยๆ ปรับตามจังหวะชีวิตของเราจะเป็นเหมือนศูนย์กลางการเยียวยา ทำให้เราพักผ่อนเต็มที่ ลดความเครียด และกระตุ้นให้เราดูแลสุขอนามัยตัวเองมากขึ้นในทุกวัน เมื่อบ้านกลายเป็นพื้นที่ที่สนับสนุนร่างกายและจิตใจ การมีชีวิตที่ยืนยาวและมีคุณภาพก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้วค่ะ ซึ่งผู้เขียนเองก็ได้ทำแบบนั้นเหมือนกันค่ะ โดยในทุกวันผู้เขียนเปิดบ้านรับลมตามธรรมชาติ ใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุด และใช้พัดลมเปิดระบายอากาศก่อนเสมอ ทุกวันถ้าไม่ได้ทำความสะอาดอะไรเป็นพิเศษ สิ่งพื้นฐานที่ทำเลยคือกวาดบ้านทุกวันค่ะ ปกติผู้เขียนเป็นคนไม่รกไปด้วยของใช้ที่เกินความจำเป็นนะคะ เพราะมองว่าปัจจุบันหากต้องใช้อะไรจริงๆ การซื้อออนไลน์ไม่ได้ยากแล้ว จึงไม่ได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อสะสมของที่ไม่ได้ใช้ค่ะ สำหรับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้าน การจัดพื้นที่ทำอาหารให้เหมาะสม การจัดมุมสบายๆ ในบ้าน ผู้เขียนก็ให้ความสนใจในการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในส่วนนี้อย่างต่อเนื่องอยู่แล้วนะคะ ก็ลองนำแนวทางในบทความนี้ไปปรับปรุงสิ่งแวดล้อมในที่อยู่อาศัยของเรากันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #วิธีส่งเสริมสุขภาพ #ปรับปรุงสิ่งแวดล้อม #สิ่งแวดล้อม_ในที่อยู่อาศัย #HealthPromotion #Longevity เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก AI Generated และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,4 ถ่ายภาพโดยผู้เขียน,ภาพที่ 2 ถ่ายภาพโดย Caroline Attwood จาก Unsplash และภาพที่ 3 AI Generated โดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 จุดที่ควรวางกระถางต้นไม้ ในบริเวณบ้าน เพิ่มพื้นที่สีเขียว 10 จุดที่ควรมีพรมเช็ดเท้า และทำความสะอาดสม่ำเสมอ มีอะไรบ้าง 9 จุดที่ไม่ควรมีถังขยะ ภายในบ้าน ลดกลิ่นเหม็น เพื่อสุขอนามัย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !