รีเซต

โอนเงิน‘เราชนะ’พรุ่งนี้! งวดแรก10.2ล้านคน ไม่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนแล้ว3.27แสน

โอนเงิน‘เราชนะ’พรุ่งนี้! งวดแรก10.2ล้านคน ไม่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนแล้ว3.27แสน
ข่าวสด
17 กุมภาพันธ์ 2564 ( 17:46 )
71
โอนเงิน‘เราชนะ’พรุ่งนี้! งวดแรก10.2ล้านคน ไม่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนแล้ว3.27แสน

โอนเงิน " เราชนะ " งวดแรกพรุ่งนี้ 10.2 ล้านคน ได้ 2,000 บาท คลังเผยตัวเลข กดสละสิทธิ์แล้ว 8.8 หมื่นคน ส่วนลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนแล้ว 3.27 แสนคน

 

วันที่ 17 ก.พ.2564 น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนโครงการ“เราชนะ สำหรับประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ เช่น ไม่สามารถเข้าถึงระบบอินเทอร์เน็ต ไม่มีสมาร์ทโฟนทำให้ไม่สามารถใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ หรือผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง รวมถึงผู้ที่ลงทะเบียนด้วยตนเองไม่สำเร็จเนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลไม่ถูกต้อง ระหว่างวันที่ 15–17 กุมภาพันธ์ 2564 มีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ แล้ว จำนวน 327,066 คน (ข้อมูล ณ เวลา 15.30 น.)

 

 

ทั้งนี้ ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวที่สนใจและประสงค์จะสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ต้องนำบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด (Smart Card) ไปลงทะเบียนที่สาขาหรือจุดบริการเคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทย) ด้วยตนเอง ไม่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ต้องเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อยืนยันตัวตน อันจะเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทะเบียนเอง และป้องกันไม่ให้มีการสวมสิทธิ์ โดยสามารถลงทะเบียนเพื่อขอคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 มีนาคม 2564 และไม่มีการจำกัดจำนวนสิทธิ์

 

สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง (กลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ) และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com (กลุ่มประชาชนทั่วไปฯ) ที่ตรวจสอบสถานะแล้วพบว่าผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเราชนะจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท

 

ทั้งนี้ประชาชนทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวสามารถยืนยันการใช้สิทธิ์ผ่านแถบ (Banner) “เราชนะ” ที่ปรากฏอยู่ในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และจะได้รับวงเงินสิทธิ์เพิ่มเป็นรายสัปดาห์ทุกวันพฤหัสบดีจนวงเงินสิทธิ์ครบ 7,000 บาท โดยสามารถสะสมวงเงินสิทธิ์ได้ และใช้จ่ายเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการฯ รวมถึงผู้ประกอบการ/ร้านค้าและบริการรายย่อยที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564

 

“ขณะนี้มีผู้ที่ได้รับสิทธิ์ผ่านการคัดกรองเข้าร่วมโครงการเราชนะ ทั้งสิ้น 16.3 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ใช้แอปพลิเคชั่นเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกันอยู่แล้ว จำนวน 8.4 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com จำนวน 7.9 ล้านคน ซึ่งล่าสุดมีผู้กดยืนยันตัวตนและกดรับสิทธิ์ในแอปพลิเคชั่นเป๋าตังแล้วจำนวน 10.2 ล้านคน แบ่งเป็นกลุ่มที่มีแอปพลิเคชั่นเป๋าตังและเราเที่ยวด้วยกัน จำนวน 6.6 ล้านคน และกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com จำนวน 3.6 ล้านคน จะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ครั้งแรกในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 จำนวน 2,000 บาท”

 

สำหรับกลุ่มประชาชนที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลฯ และกลุ่มประชาชนทั่วไปฯ ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น แต่ไม่สามารถขอรับสิทธิ์โครงการฯ ได้ เนื่องจากคุณสมบัติของผู้สมัครเข้าร่วมโครงการไม่เป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2564 กรณีข้าราชการการเมือง ข้าราชการ พนักงานราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐที่รับค่าตอบแทนโดยตรงจากหน่วยงานของรัฐ และไม่มีลักษณะของงานที่เป็นอาสาสมัครหรือเป็นการจ้างรายวัน รวมถึงผู้รับบำนาญปกติ

 

สามารถสละสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ หากผู้ปฏิบัติงานในหน่วยของรัฐที่มีลักษณะงานเป็นอาสาสมัครหรือการจ้างรายวัน และได้รับค่าตอบแทนจากหน่วยงานของรัฐโดยตรง ผ่านเกณฑ์การคัดกรองของโครงการฯ สามารถยืนยันการใช้สิทธิ์ผ่านแถบ (Banner) “เราชนะ” ที่ปรากฏในแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยยอดกดสละสิทธิ์ ล่าสุดมีจำนวน 8.8 หมื่นคน เพราะหากตรวจสอบพบการรับสิทธิ์ในภายหลัง จะมีการเรียกเงินคืนทันที โดยสามารถกดสละสิทธิ์ทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2564

 

ทั้งนี้ โครงการฯ ได้มีการโอนวงเงินสิทธิ์ให้แก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (กลุ่มผู้ถือบัตรฯ) จำนวน 13.69 ล้านคน ไปแล้วจำนวน 2 ครั้ง โดยจากข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มผู้ถือบัตรฯ มียอดการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยไปแล้วมากกว่า 14,000 ล้านบาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง