รีเซต

ททท.ชี้ '3.2 ล้านคน' เดินทาง-เที่ยว สงกรานต์เงินสะพัด 1.2 หมื่นล้าน

ททท.ชี้ '3.2 ล้านคน' เดินทาง-เที่ยว สงกรานต์เงินสะพัด 1.2 หมื่นล้าน
มติชน
6 เมษายน 2564 ( 09:49 )
81
ททท.ชี้ '3.2 ล้านคน' เดินทาง-เที่ยว สงกรานต์เงินสะพัด 1.2 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 6 เมษายน นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมาถึงกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จากสถานบันเทิงที่มีจำนวนมากและกระจายในหลายจังหวัด รวมถึง กทม. ว่า เบื้องต้นประเมินว่ายังไม่ส่งผลกระทบกับบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากตามพฤติกรรมการเดินทางในช่วงสงกรานต์จะเป็นรูปแบบการเดินทางกลับภูมิลำเนา หรืออาจท่องเที่ยวในระหว่างทางร่วมด้วย

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ทำให้ผู้ที่วางแผนในการเดินทางไว้แล้วน่าจะยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ ไม่ได้ปรับเปลี่ยนหรืองดการเดินทางในทันที เพราะมีแรงกระตุ้นจากวันหยุดยาวต่อเนื่องที่รัฐบาลเพิ่มให้ด้วย เชื่อว่าสาธารณสุขไทยจะสามารถควบคุมการระบาดได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา สะท้อนได้จากช่วงต้นปี 2564 มีการระบาดที่จังหวัดสมุทรสาคร พบผู้ติดเชื้อจำนวนหลายร้อยราย แต่ก็สามารถควบคุมการระบาดและทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ แม้จะต้องใช้เวลาสักระยะก็ตาม

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าว หากการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 คลัสเตอร์ใหม่นี้ จะส่งผลกระทบกับภาคการท่องเที่ยวก็ต่อเมื่อรัฐบาลประกาศห้ามไม่ให้มีการเดินทางข้ามจังหวัดและล็อกดาวน์ในบางเงื่อนไข โดยเฉพาะการห้ามไม่ให้รวมพลกันในจำนวนมาก หรือสั่งปิดธุรกิจบางประเภท หากมีคำสั่งในรูปแบบดังกล่าวออกมาจึงจะส่งกระทบกับภาคการท่องเที่ยวไทยซ้ำได้

 

 

“ผลกระทบของโควิด-19 จะรุนแรงมาก หากรัฐบาลประกาศห้ามไม่ให้เดินทางแบบกะทันหัน เพราะจะเท่ากับว่าการเดินทางต้องชะลอลงอีก โดยททท.ประเมินว่าสถานการณ์คงไม่กลับไปสู่ช่วงเดิมในตอนที่ต้องล็อกดาวน์อีกครั้ง และหวังว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็จะประเมินสถานการณ์ และหาทางให้เกิดการเดินทางเพิ่มขึ้นให้ได้ อาทิ การเลือกทำแซนด์บ็อกซ์ในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบให้เดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดนั้นๆ ที่กำหนด แต่ก็หวังว่าจะไม่ต้องทำแบบนั้น เพราะสถานการณ์จะยังสามารถควบคุมได้

 

“โดยในช่วงสงกรานต์ ททท.ประเมินว่าจะเกิดการเดินทางเพิ่ม จำนวน 3.2 ล้านคน-ครั้ง สร้างเม็ดเงินสะพัด 12,000 ล้านบาท หากการระบาดโควิด-19คลัสเตอร์ใหม่นี้รุนแรงขึ้น จนทำให้การเดินทางลดลง ก็ต้องมาประเมินความถี่ในการเดินทาง และรายได้ที่จะหดตัวลงอีกครั้ง” นายยุทธศักดิ์กล่าว

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า สำหรับการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีเข้ามาเที่ยวแรกแล้ว แต่จำนวนยังไม่มากนัก จึงยังประเมินความพร้อมหรือเม็ดเงินสะพัดที่จะเกิดขึ้นไม่ได้ โดยการเข้ามาของต่างชาติกลุ่มนี้ ยังอยู่ภายใต้เงื่อนไขกักตัว 7 วันในภูเก็ต หลังจากนั้นจึงจะสามารถเดินทางออกนอกพื้นที่ได้

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ประเมินว่าในไตรมาส 2 จะยังไม่มีต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก แต่เป็นการทยอยนำร่องเข้ามา เพื่อเตรียมพร้อมสู่ไตรมาส 3 ซึ่งจะเป็นการนำต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศแบบไม่ต้องกักตัว เพื่อให้สามารถประเมินความพร้อมของผู้ประกอบการ และคนในชุมชนได้ว่ามีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างไรบ้าง

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ทั้งนี้ ททท.ได้ประเมินการเดินทางของคนไทยภายใต้เทศกาลสงกรานต์แบบวิถีใหม่ในปีนี้ จังหวัดท่องเที่ยวหลายแห่งจะกลับมาจัดงานกันอีกครั้งหลังจากที่หยุดไปในปีก่อน เพราะเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งเมืองหลักและเมืองรอง คือ กรุงเทพฯ พระนครศรีอยุธยา เชียงใหม่ สุโขทัย ลำปาง บุรีรัมย์ ขอนแก่น และหนองคาย คาดว่าจะมีจำนวนชาวไทยไปเที่ยวประมาณ 7.30 แสนคน-ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนมากกว่า 3,700 ล้านบาท โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 30%

 

 

นายยุทธศักดิ์กล่าวว่า ภูมิภาคที่มีการเดินทางท่องเที่ยวมากที่สุดยังคงเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวระยะใกล้อย่างภาคกลาง ด้วยพฤติกรรมคนไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะไม่นิยมเดินทางระยะไกลในช่วงนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัดและอุบัติเหตุ บนท้องถนน นอกจากนี้ผลกระทบจากโควิด-19 ยังทำให้เศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และหนี้ครัวเรือนสูง นักท่องเที่ยวมีกำลังซื้อน้อยและเน้นการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น ขณะที่พื้นที่ท่องเที่ยวระยะไกลคือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ส่วนใหญ่จะเป็น กลุ่มที่เดินทางกลับไปเยี่ยมญาติและถือโอกาสท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

 

 

ด้าน นายทินกร ชูวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ปฏิบัติการ) บวท. เปิดเผยว่า ในเดือนเมษายนนี้จะเป็นช่วงฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 อีกทั้งเป็นช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลสงกรานต์ ส่งผลให้การเดินทางภายในประเทศเพิ่มขึ้น สายการบินสัญชาติไทยได้เพิ่มเที่ยวบิน เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศและเที่ยวบินผ่านน่านฟ้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จากสถานการณ์การบินทั่วโลกเริ่มดีขึ้น ช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน บวท.คาดการณ์ว่ามีปริมาณเที่ยวบินรวม 8,754 เที่ยวบิน เฉลี่ย 1,250 เที่ยวบินต่อวัน และตลอดทั้งเดือนเมษายนนี้จะมีเที่ยวบินรวม 36,150 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นกว่า 7% จากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีปริมาณเที่ยวบินรวม 33,796 เที่ยวบิน

 

 

“จากการที่รัฐบาลมีแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รับการฉีดวัคซีนแล้วและมีผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ ให้สามารถเข้ามาท่องเที่ยวไทย โดยเปิดพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา จ.ชลบุรี กระบี่ พังงา และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี นั้น บวท.เชื่อว่าน่าจะส่งผลดีกับทั้งธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวของประเทศ” นายทินกรกล่าว

 

 

นายทินกรกล่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 บวท.สามารถรองรับปริมาณเที่ยวบินได้ถึง 3,000 เที่ยวบินต่อวัน ดังนั้นเทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ บวท. มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการทุกเที่ยวบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเตรียมพร้อมรองรับปริมาณจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น ทั้งความพร้อมด้านเทคโนโลยีการบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ระบบอุปกรณ์ที่ช่วยบริหารความคล่องตัวการจราจรทางอากาศ การบริหารจัดการร่วมกันระหว่าง บวท. กับทุกท่าอากาศยาน และการบริหารอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศให้เพียงพอต่อการให้บริการ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกเที่ยวบินเป็นสำคัญ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง