สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน วันนี้ Sunnysister ก็มีสาระดี ๆ จะมาบอกต่อ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่น้องม.6 กำลังจะต้องเลือกคณะซึ่งเป็นดั่งการเลือกทางเดินชีวิต ยังไม่รู้จะเรียนอะไรดี จนได้ยินเพื่อน ๆ พูดถึง “คณะทันตแพทย์” ขึ้นมา ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคณะนี้เรียนจบมาเป็นคุณหมอฟันนั่นเอง เนื้อหาบทความจะมาจากประสบการณ์การเข้าศึกษาในคณะทันตแพทยศาสตร์โดยตรงนะคะ (กระซิบว่ามหาวิทยาลัยทางภาคเหนือเจ้า) ท้้งนี้พี่ได้มาเผยแพร่ข้อมูล เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกศึกษาต่อในระดับชั้นอุดมศึกษานั่นเองค่ะ แต่มีหลายคนบอกว่าคณะนี้เรียนง่ายกว่าแพทย์ อีกทั้งจบมาทำงานได้เยอะกว่าอีก ไม่แค่นั้นยังมีชีวิตแสนสดใสไม่ต้องทำงานหนักเหมือนกับคุณหมออีกด้วย ฟังดูช่างเป็นอาชีพที่แสนเพอร์เฟกต์อะไรเช่นนี้ ไม่รอช้าเรามาล้วงลับเกี่ยวกับคณะนี้กันดีกว่าว่า เรียนง่ายก็แพทย์จริงหรือ?ปี1-2 จะเป็นการเรียนเนื้อหาคล้าย ๆ กับของม.ปลายเลย แต่จะเป็นระดับที่ยากกว่าลึกกว่านิดหน่อย เพื่อเป็นการปรับพื้นฐานของน้อง ๆ ช่วงปีแรกการเรียนจะไม่ได้หนักมากทำให้เราสามารถแบ่งเวลาไปทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยได้ ช่วงนี้ก็แนะนำให้ทำกิจกรรมเยอะ ๆ เพื่อเป็นการฝึกทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่น รวมถึงทำให้เรามีเพื่อนต่างคณะมากยิ่งขึ้นด้วยนะปี3-4 เป็นการเรียนภาควิชาพรีคลินิก ซึ่งจะเริ่มเรียนวิชาเกี่ยวกับตัวคณะมากยิ่งขึ้น เรียนพื้นฐานเกี่ยวกับฟัน โรคในช่องปากต่าง ๆ แอบบอกก่อนว่าหมอฟันก็เรียนกับอาจารย์ใหญ่ด้วยนะ ในวิชากายวิภาคและสรีรวิทยา แต่จะเป็นการเรียนแค่ร่างกายส่วนบนเท่านั้นปี5-6 จะเป็นการเรียนที่เน้นหนักงานปฏิบัติ มีการทำชิ้นงานมากยิ่งขึ้น โดยการทำงานส่งอาจารย์เราต้องทำอย่างละเอียด หากโดนแก้งานก็เป็นระดับมิลลิเมตรเลยทีเดียว ช่วงปีนี้เราจะมีการเรียนเกี่ยวกับปฏิบัติการทางทันตกรรมเป็นหลักเลย เพื่อเป็นการฝึกก่อนที่จะจบออกไปเป็นทันตแพทย์ที่พร้อมดูแลสุขภาพในช่องปากของผู้ป่วยนั่นเองค่ะได้เรียน Anatomy & Physiology เหมือนคณะแพทยศาสตร์เลย เรียนหนักไหม? สำหรับวิชานี้เป็นวิชาที่นักศึกษาคณะทันตะจะได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่ตัวจริง ช่วงปี 2 เลย ได้ผ่า และต้องจำส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอาจารย์ใหญ่ทั้งหมดของร่างกายท่อนบน ซึ่งจะต่างจากนักศึกษาคณะแพทย์ที่จะต้องศึกษาร่างอาจารย์ใหญ่ทุกส่วนของร่างกายนั่นเอง ทำให้ในเนื้อหาส่วนนี้คณะทันตะจะเรียนเบากว่าคณะแพทย์นั่นเองค่ะนักศึกษาทันตะต้องมีศิลปะในหัวใจ? ข้อนี้ขอแอบบอกว่าไม่ได้จริงซะทีเดียวค่ะ ใครที่ไม่ใช่คนมีความคิดสร้างสรรค์มาก ๆ ก็สามารถเข้ามาเรียนได้ เนื่องจากงานฝีมือของคณะจะเป็นงานที่อาศัยความเป๊ะเป็นหลักมากกว่าความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้ว ใครที่ชื่นชอบการทำงานฝีมือก็ขอบอกเลยว่า คณะทันตแพทยศาสตร์ของเรานั้นค่อนข้างตอบโจทย์น้อง ๆ เลยทีเดียว แต่ขอเตือนก่อนว่างานของเราต้องอาศัยสเกลระดับมิลลิเมตร! อาจทำให้น้องรู้สึกท้อแท้ในช่วงแรกที่ต้องทำงานส่งอาจารย์ แต่เมื่อได้รับการฝึกฝน ความชำนาญจะเพิ่มมากขึ้นเอง ไม่ต้องกังวลเลยค่า! สรุป ความแตกต่างของการเรียนคณะแพทยศาสตร์กับคณะทันตแพทย์ศาสตร์มีความหนักด้วยกันทั้งคู่ค่ะ แต่จะเป็นความหนักที่แตกต่างกันเรื่องรูปแบบ คือ คณะแพทย์จะเน้นการเรียน Lecture เป็นหลัก เนื้อหาที่ต้องเรียนมีเยอะมาก ๆ แต่คณะทันตแพทย์นั้นไม่เรียน Lecture หนักเท่าแพทย์ แต่ก็ต้องเรียนเกี่ยวกับฟันอย่างเจาะลึกสุด ๆ อีกทั้งยังมีชิ้นงานที่ต้องทำส่ง ซึ่งบอกเลยว่าสเกลของงานเป็นระดับมิลลิเมตรนะคะ ส่วนชีวิตช่วงวัยทำงานนั้น อาชีพแพทย์จะต้องอยู่เวร อดนอนเยอะกว่าทันตแพทย์อย่างแน่นอนค่ะ แต่ถ้าน้องคนไหนกังวลเรื่องการทำงานระยะยาวแล้วล่ะก็ ทันตแพทย์จะไม่ค่อยเหมาะสมเนื่องจากสังขารอาจเกิดการแปรผันไปตามเวลา สายตา ที่ต้องใช้ในการทำฟันให้คนไข้ ส่วนแพทย์ตอนนั้นอาจจะเป็นแพทย์ประจำแล้วค่ะ สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ให้น้อง ๆ พึงระลึกเสมอว่า ข้อสำคัญในการเลือกคณะที่จะเรียนต่อ ขออย่าเลือกเรียนเพราะเหตุผลอื่นนอกจาก “ความชอบ” ในสายอาชีพนั้น ๆ ค่ะขอบคุณภาพหน้าปกจาก Pngtree.comขอขอบคุณภาพประกอบจาก Freepik.com : ภาพที่ 1/ภาพที่ 2/ภาพที่ 3