สวัสดีค่ะ (^_^) วันนี้พบกับหัวข้อ ที่เป็นแนวทางที่ทำให้คุณได้รู้สึกปลอดภัย เพื่อรักษาจิตใจตนเอง ให้มีสุขภาพจิตที่ดี มีความสุข สงบ โดยการรักษาระดับพลังงานตัวเอง อยู่ให้ห่างคนที่บั่นทอนจิตใจ คนที่ทำร้ายจิตใจเราค่ะ เปิดใจอ่านจนจบแล้ว จะได้อะไรหลายๆ อย่างที่อาจทำให้ความคิดของคุณเปลี่ยนไปค่ะ... รักษาระดับพลังงานตัวเอง อยู่ห่างคนที่บั่นทอนจิตใจการรักษาระดับพลังงานตนเอง ถ้าพูดให้เห็นภาพ ให้นึกถึงภาพกราฟ ที่มีแกน x แกน y นะคะ แล้วจุดค่าที่อยู่ในกราฟก็จะมีขึ้น มีลง มีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ต่างๆ ...นี่แหล่ะค่ะ ที่เราจำเป็นที่ควรจะต้องรักษาระดับพลังงานสภาพจิตใจให้อยู่ในระดับที่ดี มีความสมดุล ความสบายใจ และอยู่ในระดับที่ตนเองรู้สึกปลอดภัยค่ะเราเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนพฤติกรรมตนเองได้ค่ะ ปัจจัยภายนอกยากแก่การควบคุม แต่เราสามารถควบคุมตนเองให้มีสติ และมีฐานพลังงานที่ดีได้ ที่ทำก็เพื่อให้ตัวเราเองอยู่อย่างมีความสุขค่ะ และทุกข์น้อยๆ ทุกข์สุขเป็นเรื่องปกติที่ต้องเกิดกับเรา แต่ทำอย่างไรล่ะ ที่จะทำให้เรามีความทุกข์ให้น้อย นี่คือคำตอบค่ะ... สังเกตไหมคะว่า รอบตัวเราจะมีคนที่เรารู้สึกขัดใจเราจังเลย ด้วยนิสัยบางอย่างที่เรารู้สึกไม่ชอบใจ ที่คนๆ นี้ปฏิบัติกับเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านความคิด คำพูด และการกระทำค่ะเราขอกล่าวแนวทางสัก 3 ข้อ นะคะ ในการปฏิบัติ ได้แก่1.อยู่ห่างจากเพื่อนที่บั่นทอนจิตใจเพื่อนรอบตัวเราที่เราคบหามีหลากหลาย มีทั้งเพื่อนทั่วไป เพื่อนสนิทระดับหนึ่ง เพื่อนสนิทมาก และเพื่อนแท้ ซึ่งแต่ละระดับที่เราจัดแบ่งนั้น ก็ตัวเราเองเป็นคนจำกัดความและในด้านความรู้สึกด้วย ...เพื่อนที่ดีก็มี เพื่อนที่ไม่ดีก็มีอยู่ในชีวิต ทั้งเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ และมิตรภาพใหม่ๆ ที่พบเจอเพิ่มขึ้น ในชีวิตประจำวัน ...เพื่อนดี จะแนะแนวทางที่ดี เพื่อให้เราได้ดี มีสิ่งดีๆ ในชีวิต สั้นๆ เลย คือ จะไม่ทำให้เราเสียใจค่ะ แต่เพื่อนไม่ดี ก็คือ คนที่ขี้อิจฉา ชอบตำหนิ ชอบวิจารณ์ ชอบการนินทาเรื่องต่างๆ...นี่แหล่ะค่ะ คิดว่าหลายคนคงได้พบเจอ เพื่อนที่ทำให้เราไม่สบายใจ ก็ให้ออกห่าง ไม่ได้แนะนำให้เลิกคบนะคะ สำหรับบางคนถ้าไม่ดีมาก ก็เลิกคบได้ แต่เพื่อนบางคนก็มีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียในตนเอง เราก็รักษาระยะห่างระหว่างกันค่ะ เพื่อที่จะไม่บั่นทอนจิตใจของเรา เช่น อาจจะนานๆ ครั้งเจอ หรือว่าถ้าเจอก็หลีกเลี่ยงให้อยู่ห่าง คนพวกนี้ไว้ ไม่ต้องเข้าใกล้ จะได้ไม่ได้ยิน ไม่เห็น อะไรที่เราไม่ชอบใจค่ะไม่มีหลักเกณฑ์อะไรตายตัว แต่ให้ใช้ความรู้สึกของตัวเราเอง เอาที่เราสบายใจ และปฏิบัติค่ะ เราจะยกตัวอย่างคำติ ที่หลายๆ คนอาจเคยเจอในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ควรมีการบูลลี่กันค่ะ เช่น ไปทำอะไรมาอ่ะดำจัง ทั้งที่บางทีคนติ ก็ไม่ใช่คนขาว ในบางคนจะมีปมเรื่องนี้ เพราะเพื่อนชอบติเรื่องผิวคล้ำตั้งแต่เด็ก จนเกิดความไม่มั่นใจในตนเองค่ะ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่ว่าจะมีสีผิวแบบไหนก็มีความดีงาม มีความสุขได้ ในแบบของตนเองค่ะคนต่อมา ติ ...ผอมอ่ะ ผอมมากเลยนะ กินข้าวเยอะๆ หน่อย คือ คนๆ นั้นอวบ หรืออาจจะค่อนไปทางอ้วนค่ะ เลยมักชอบว่าคนผอม ถ้าเห็นคนผอมจะชอบติ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ว่ารูปร่างอย่างไร ก็คือเรื่องของคนๆ นั้น เป็นความพอใจของเขา...คนต่อมา ติ ...ตีนกาเยอะนะ หูยยย ยิ้มทีตีนกาขึ้นเลย คือ ริ้วรอยเนี่ยมีกันทุกคน ยิ่งคนที่มีความเป็นธรรมชาติไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติม อาจจะไม่ได้แต่งหน้าหรือเข้าคลินิกรักษาความงาม ย่อมมีริ้วรอยเกิดขึ้นเป็นไปตามอายุค่ะ เป็นเรื่องปกติ แต่เพื่อนเนี่ยชอบติเวลาเพื่อนนัดเจอทีต้องคิดเลย ถ้าคนชอบติจะหาติโน่นนี่ ตัวเราจะเสียพลังงานเสียความรู้สึกค่ะ เลยทำให้ไม่ค่อยอยากเจอเพื่อนแบบนี้เพราะไม่มีความสุข2.อยู่ห่างเพื่อนร่วมงานที่บั่นทอนจิตใจเพื่อนร่วมงานไม่ใช่เพื่อนที่เรียนด้วยกันมา เป็นคนที่พึ่งมาเจอกันตอนโต ตอนทำงาน เราจะไม่ทราบพื้นเพ พื้นฐานนิสัยของเขาเลยว่าเป็นอย่างไร แต่เราจะเห็นเฉพาะในส่วนที่เขาแสดงออกมาให้เราเห็น ...แต่เวลาจะเป็นคำตอบ ให้เราดูและพิจารณาค่ะบางคนเราคิดว่าเขาคือเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่วันหนึ่งเราจะรู้เองว่าเขาอาจไม่ได้คิดกับเราแบบนั้น ยิ่งนิสัยผู้หญิงเป็นที่ทราบกันดีว่า เกิดการอิจฉากันในทุกสังคม มีทุกที่ค่ะ ตัวเราเองก็ต้องระวังในการคบหาคนค่ะ บางทีได้ยินกับหูเลย การนินทาเพื่อนร่วมงานให้ได้ยิน หรือนินทาเรื่องเรากับคนอื่นให้เราได้ยิน มันรู้สึกแย่ค่ะ ก็ให้ออกห่างคนประเภทนี้3.อยู่ห่างคนในสังคมที่บั่นทอนจิตใจเราดำเนินชีวิตอยู่ทุกวันต้องพบเจอคนมากหน้าหลายตา นิสัยแตกต่างกันไป อะไรที่เราชอบเราก็เข้าใกล้ อะไรที่ไม่ชอบก็ออกห่างแค่นั้นเองค่ะ เช่น ไปซื้อของ เจอแม่ค้าปากจัด ด่าว่าคนอื่นแล้วเราได้ยิน ถ้าเราไม่ชอบนิสัยแบบนี้ก็เลือกซื้อร้านอื่นได้ค่ะ เงินของเราเองเราเลือกได้ว่าจะอุดหนุนร้านใคร หรือเจอคนหัวร้อน ขี้หงุดหงิด โมโห เรื่องการขับรถ เจอคนที่ขับรถไม่ดีบนท้องถนน ถ้าเราเจอคนแบบนี้แล้วเราไม่ตั้งสติให้ดี เราอาจจะหงุดหงิดตามได้ค่ะ ...อากาศเมืองไทยก็ร้อนแล้ว แต่เราอย่าไปร้อนตามค่ะจากที่กล่าวไปข้างต้น นี่ค่ะ คือ 3 ข้อที่สามารถนำไปปรับใช้กันได้ รักษาระดับพลังงานตัวเอง การเป็นคนจิตใจดี มีเมตตา มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นในสังคม ถ้าทุกคนคิดกันได้แบบนี้ รักษาน้ำใจ รักษาจิตใจกัน ก็จะทำให้สังคมน่าอยู่ และเกิดความสันติสุขค่ะ คำพูดบางคำ ทำร้ายคนได้มาก หรืออาจจะฆ่าคนให้ตายได้เลย ดังนั้นควรระวังคำพูดตนเอง เพราะเราไม่รู้เลยว่า ใครเจอเรื่องราวอะไรในชีวิตมาบ้าง เราไม่ได้อยู่กับเขาตลอด ต่างคนต่างดำเนินชีวิต อย่านำความคิดตนเองไปตัดสินใคร เพียงเพราะบางอย่างที่เราเห็น ให้เราพิจารณาให้ดีค่ะจากประสบการณ์ผู้เขียนสิ่งที่ทำ: มีสติค่ะ การมีสติจะทำให้เรายับยั้งชั่งใจได้ ทำให้มีเหตุผลและควบคุมอารมณ์จากสถานการณ์ต่างๆ ได้ และเมื่อแว้ปคิดไม่ดี หรือรู้สึกไม่ดี ให้ตั้งสติกลับมาให้ไว รักษาระดับพลังงานตนเองให้ดี ให้อยู่ในสภาวะปกติแบบกลางๆ ...อยู่ห่างคนที่บั่นทอนจิตใจ คือ ถ้าเห็นคนไหนที่เราอยู่ใกล้แล้วรู้สึกไม่ดีก็ถอยออกมา อยู่ห่างๆ ค่ะ ผลที่ได้: ในการปฏิบัติวิธีการนี้ จะช่วยให้เรามีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีค่ะ เนื่องจากใจ กาย สัมพันธ์กัน ถ้าจิตใจดีแล้ว ร่างกายก็จะไม่ค่อยเจ็บป่วย ตัวเราชอบความเบิกบานค่ะ พอเบิกบาน สดชื่นแจ่มใสแล้ว สุขภาพจิตก็จะดี ยิ้มได้ และมีความสุข...ขอให้ทุกคนมีความสุข มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี มีความสุขในทุกวัน ด้วยความปรารถนาดีและความห่วงใยจากใจค่ะ สำหรับหัวข้อนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ เราตั้งใจทำมาแบ่งปันค่ะเครดิตเครดิตเว็บแต่งภาพ: canva.comเครดิตภาพ:ภาพปก: Pexels/Pixabay.comภาพที่ 1: PublicDomainPictures/Pixabay.comภาพที่ 2: Peggy_Marco/Pixabay.comภาพที่ 3: StartupStockPhotos/Pixabay.comภาพที่ 4: HtcHnm/Pixabay.comบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจของผู้เขียน อยากแนะนำให้ลองอ่านนะคะ...https://women.trueid.net/detail/k89eZjwomvw8https://news.trueid.net/detail/omRel0kY16B7https://news.trueid.net/detail/Q0gwGB8vXOL0https://news.trueid.net/detail/9PXM0N21Kdm5https://women.trueid.net/detail/4rjw5gbV5jDZ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !