โรคทางกระดูกและระบบประสาทในน้องหมา เป็นอีกโรคหนึ่งที่ทำให้น้องหมาเจ็บปวดทรมานอย่างน่าสงสารมาก ๆ และย่อมส่งผลให้คุณนุดผู้ปกครองเองก็ทรมานใจมากเช่นกันค่ะ...บางท่านอาจคิดว่า โรคนี้จะเกิดกับน้องหมาอายุเยอะ ๆ เท่านั้น ส่วนการรักษาก็ทั้งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก อันนี้ขอบอกว่า ไม่จริงเสมอไปนะคะ...ครั้งนี้จะมารีวิวการรับมือกับโรคนี้ ในฐานะที่เป็นนุดผู้ปกครองของน้องหมาที่เจ็บป่วยจากโรคนี้ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังเจอปัญหาเดียวกันค่ะรู้สาเหตุของโรคก็ลดความสงสัยและความกังวลได้น้องหมาวัยไหน ๆ รวมทั้งน้องหมาเด็กก็เป็นโรคทางกระดูกและระบบประสาทได้ สาเหตุก็มีทั้งกรรมพันธุ์ ความบกพร่องของร่างกายแต่กำเนิด ภาวะขาดสารอาหาร และอุบัติเหตุค่ะ...ตอนพาน้องหมาที่บ้านไปโรงพยาบาล เราก็จะได้เจอน้องหมาเป็นโรคหรือมีอาการแบบนี้หลาย ๆ เคส มีทั้งอายุเยอะ ทั้งประสบอุบัติเหตุ - ได้รับการชนหรือกระแทกอย่างแรง เช่น วิ่งชนกระจก ตกจากที่สูง ทะเลาะกันกับเพื่อน ถูกรถชน เป็นต้น...ส่วนน้องหมาตัวหนึ่งที่บ้าน เป็นพันธุ์ผสมระหว่างไซบีเรียนฮัสกีกับแลบราดอร์ริทรีฟเวอร์ น่าจะได้มรดกทางโรคประจำสายพันธุ์มาจากทั้งพ่อและแม่ เขาเลยแสดงอาการของโรคทางกระดูกและระบบประสาทตั้งแต่อายุ 7 - 8 เดือนค่ะ...น้องแสดงอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรงและร้องอย่างหนัก หลังจากที่น้องยืนบนขาหลังทั้งสองข้าง ยืดตัวเกาะประตูจะตามเราออกนอกบ้านค่ะ อาการที่บ่งบอกถึงโรคทางกระดูกและระบบประสาทในน้องหมาอาการ เริ่มจากแรก ๆ ที่นุดผู้ปกครองอย่างเราอาจไม่สังเกต ส่วนน้องเองก็อาจยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ จนกระทั่งถึงตอนที่น้องเจ็บปวดทรมาน มีดังนี้คือขาลีบเล็ก ถึงแม้ว่าตอนเด็ก ๆ น้องหมาจะมีขนาดขาใหญ่ ๆ ตัน ๆ แต่พอโตขึ้น ก้นและขาของน้องโดยเฉพาะขาหลัง ก็ดูเล็ก ๆ เหมือนน้องหมาผอม...สำหรับน้องหมาที่บ้าน เพราะน้องกำลังโต เราก็คิดว่าน้องตัวยืด จนกระทั่งน้องแสดงอาการของโรค เราถึงได้รู้...จึงอยากบอกให้คุณนุดผู้ปกครองสังเกตดี ๆ เพราะยิ่งรู้ตัวเร็วก็ยิ่งดีค่ะขยับแล้วร้องงี๊ด ๆ น้องเริ่มมีอาการเจ็บขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้เดินได้ไม่เต็มขา...ทำให้น้องไม่สามารถวิ่ง กระโดด ดื้อซน หรือเล่นแรง ๆ ได้เท่าเดิม บางทีอาการก็เหมือนเท้าน้องเป็นแผล...ถ้าไม่คิดถึงโรคนี้ เราก็อาจนึกว่าน้องเหยียบหนามหรือของแหลม ๆ จนทำให้เจ็บอุ้งเท้าเจ็บปวดมาก จนร้องเสียงหลงชนิดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน...จะเจ็บเวลาขยับตัว เช่น ลุกขึ้น เดิน นั่งลง พลิกตัว ยกขา เหยียบพื้นไม่เรียบ เป็นต้น...น่าสงสารตรงที่น้องพูดอธิบายไม่ได้นี่แหละค่ะ ว่าเจ็บปวดตรงไหน - ยังไงมั่งจับแล้วเจ็บ แม้เพียงแค่แตะเบา ๆ น้องก็จะร้องงี๊ด ๆ และสะดุ้ง - หดตัวขึ้นมาทันที...อาจทำให้เรื่องการอาบน้ำ การหวีขน การหยิกหยอก ต้องงดกันไปเลยในช่วงที่น้องมีอาการ...คุณนุดจึงต้องระมัดระวังเวลาแตะโดนตัวน้อง โดยให้สังเกตว่า แตะโดนตรงไหนแล้วน้องเจ็บ ก็ให้เลี่ยงค่ะไม่ขยับตัว นอนอยู่เฉย ๆ นอนอยู่ท่าเดียว...แต่ถ้าขยับ ก็จะมุดเข้าหามุมแคบ ๆ เหมือนหาที่ปลอดภัย เพราะเจ็บมาก...สิ่งที่ตามมาก็คือ อาการเมื่อยตัว เพราะนอนท่าเดียว ทับอยู่ด้านเดียวเป็นเวลานาน ๆ และถ้าไม่ได้รับการแก้ไข กล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ได้ใช้ก็จะยิ่งเล็กลีบลงค่ะประเมิน - วินิจฉัยอาการโดยคุณหมอและเครื่องมือการประเมินอาการ แม้จะทำในเบื้องต้นก็ต้องทำโดยคุณหมอ ซึ่งจะรู้ตำแหน่งกระดูก เส้นเอ็น ฯลฯ ตามสรีระของน้องหมาอย่างถูกต้องชัดเจน...คุณหมอจะจับตามตัวน้องควบคู่กับการสอบถามคุณนุดผู้ปกครอง เพื่อสามารถบ่งชี้ในเบื้องต้นได้ว่าน้องเจ็บปวดตรงไหนแน่ ๆ มีกระดูกตรงไหนมีลักษณะหรือตำแหน่งผิดปกติ หรือเป็นเพียงการอักเสบของกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็น ฯลฯ...การเอกซเรย์ทำให้เห็นความผิดปกติ ช่วยให้ประเมิน - วินิจฉัยอาการได้ด้วยความมั่นใจยิ่งขึ้น...และถ้าจะให้ชัดมากขึ้น คุณหมอก็อาจจะใช้วิธี ซีทีสแกน และ/หรือ เอ็มอาร์ไอ อีกด้วย แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า แถม 2 เครื่องหลังนี้ไม่ได้มีกันทุกร้านหมอ/โรงพยาบาลค่ะ...คุณหมอจะประเมิน - วินิจฉัยอาการด้วยวิธีการใดบ้างนั้น ก็แล้วแต่ความรุนแรงของอาการ และความซับซ้อนของโรคค่ะ...สำหรับน้องหมาที่บ้าน คุณหมอประเมิน - วินิจฉัยโดยการจับดูกระดูก ตรวจระดับความเจ็บปวด และเอ็กซเรย์ค่ะการรักษาต้องใช้เวลาและความอดทน1. กินยายาที่คุณหมอสั่งให้น้องกินก็มีทั้ง ยาแก้ปวด ซึ่งมักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ตามความรุนแรงของอาการปวด...นอกจากนี้ก็ยังมี ยาบำรุงกระดูก ยาบำรุงข้อ ยาบำรุงปลายประสาท และวิตามินเสริม ตามลักษณะของโรคค่ะ...คุณหมอก็จะเปลี่ยนหรือลดยา โดยเฉพาะพวกยาแก้ปวด ซึ่งก็จะประเมินจากระดับความเจ็บปวดค่ะ...ถ้าเป็นไปได้ คุณหมอจะไม่ค่อยอยากใช้ยาแก้ปวด เพราะมันไม่ดีต่อตับน้องค่ะ...สำหรับน้องหมาที่บ้าน เมื่อหยุดยาแก้ปวดแล้ว คุณหมอก็จะตรวจดูความผิดปกติในเลือด (ค่าตับ ค่าไต เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เป็นต้น) แล้วก็ให้ยาบำรุงปลายประสาทต่อ และเพิ่มยาบำรุงตับค่ะ...ค่ายาแต่ละครั้งก็ไม่ได้แพง และน้องก็ไม่ได้กินยามากมายหลายขนาน ค่าใช้จ่ายก็พอ ๆ กับเราซื้อกาแฟทั่วไปดื่มวันละแก้วค่ะ2. ฉีดยายาฉีดสำหรับน้องหมาที่เจ็บป่วยด้วยโรคทางกระดูกและระบบประสาทก็มี ยาแก้อักเสบ และ ยาแก้ปวด ซึ่งมักจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์...คุณหมอจะฉีดยาแล้วประเมินการตอบสนองต่อยาของน้อง...ถ้าอาการน้องไม่ตอบสนองต่อยาฉีดที่ใช้ คุณหมอก็จะเปลี่ยนชนิดยาหรือวิธีรักษาค่ะ...ถ้าการใช้ยาฉีดเป็นไปได้ดี ช่วงแรก ๆ ก็จะนัดฉีดยาบ่อยหน่อย แล้วก็นัดห่างออกไป เช่น จากทุก 3 วัน เป็น ทุกอาทิตย์...แต่คุณหมอจะใช้ยาไม่เกิน 2 เดือน เพราะจะส่งผลต่อตับของน้องมากเกินไปค่ะ...ค่ายาฉีดต่อเข็มก็ประมาณพิซซาหน้ามาตรฐานถาดกลาง ตั้งแต่ 1 - 3 ถาดค่ะ3. ผ่าตัดการผ่าตัด อยู่ในวินิจฉัยของคุณหมอ...น้องหมาที่บ้าน ยังไม่ถึงขั้นนี้...เท่าที่ฟังมาในชุมชนคนเลี้ยงไซฯ มีคุณนุดผู้ปกครองหลายรายทีเดียวที่ต้องพาน้อง ๆ ไปผ่าตัด...แลกกับค่าใช้จ่ายที่สูง ก็นับว่าผลเป็นที่น่าพอใจ คือน้องหมาไม่เจ็บปวด กลับมามีชีวิตที่ปกติได้ค่ะ4. กายภาพบำบัดช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาทด้วยการพาให้น้องหมาเริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย ส่วนคอ (ซ้าย ขวา ขึ้น ลง) ส่วนขา (ขยับเดิน) ด้วยการใช้ขนมหรือของเล่นล่อ...ซึ่งการให้เวลาเล่นกับน้องก็เป็นการช่วยชดเชยให้กับน้องช่วงที่น้องป่วยด้วยค่ะช่วยฟื้นฟูการเคลื่อนไหวโดยการออกกำลังกาย...การออกกำลังกายที่ดีที่สุดคือการว่ายน้ำ โดยต้องมีเสื้อชูชีพและพี่เลี้ยงดูแลตลอดเวลา ไม่ปนกับน้องหมาตัวอื่น อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ครั้งละ 10 - 20 นาที ตามสภาพร่างกายของน้องค่ะ...คุณนุดก็ต้องหาสระว่ายน้ำที่เขายินดีให้บริการสุนัขบำบัด หรือสถานที่ที่เขามาธาราบำบัดสำหรับน้องหมาค่ะช่วยรักษาฟื้นฟูสภาพร่างกายด้วยเลเซอร์ ซึ่งจะช่วยทั้งกระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูความบกพร่องของกระดูก และรักษาอาการอักเสบ...การใช้เลเซอร์บำบัด จะทำเป็นคอร์ส โดยคุณหมอเป็นผู้กำหนดความถี่ของการไปบำบัด และเครื่องจะกำหนดระยะเวลาในการบำบัดแต่ละครั้ง จามสภาพร่างกายของน้อง เช่น 5, 10, 20 นาทีค่ะ...วิธีนี้ น้องหมาชอบค่ะ เพราะสบาย ช่วยให้หายเจ็บปวดการดูแลน้องหมาช่วงที่น้องมีอาการเจ็บปวดมาก ๆ คุณหมอจะแนะนำให้แยกน้องจากน้องหมาตัวอื่น ๆ จำกัดบริเวณและการเคลื่อนไหวของน้อง ให้อยู่แต่บนพื้นราบ ไม่ให้ปีนป่ายหรือแม้แต่ขึ้นบันได และต้องไม่ให้มีการกระแทกใด ๆ...ดังนั้น การขังกรงอาจเป็นคำตอบ แต่สำหรับที่บ้าน เราไม่มีกรงและไม่อยากจับน้องขังกรง เลยใช้วิธีให้น้องนอนอยู่กับที่ มีเบาะรองค่ะชามน้ำและอาหารสำหรับน้อง ก็ต้องยกให้สูงขึ้นมาจากพื้น...ไม่ให้น้องต้องก้มลงกินกับพื้นให้ปวดคอหรืออักเสบกันไปใหญ่ค่ะถ้าต้องอุ้มน้องที่มีอาการเจ็บปวดกระดูกหลังและคอ เช่น อุ้มไปเข้าห้องน้ำ อุ้มไปหาหมอ คือ...ถ้าเป็นน้องหมาตัวใหญ่ ก็จะอุ้มแบบพยุงใต้ขาหน้ากับตรงก้น ให้หลังขนานกับพื้น...ถ้าเป็นน้องหมาตัวเล็ก จะใช้วิธีเดียวกัน หรือให้นอนกับผ้าหนา ๆ ที่คุณนุดช่วยกันจับสี่มุมก็ได้ค่ะช่วงแรก ๆ ที่น้องป่วย คุณนุดอาจต้องเก็บของเล่นน้องไว้ก่อน เพราะการเล่นของเล่น เช่น สะบัด กระโดด วิ่ง ย่อมไม่ดีต่ออาการของน้อง...จนกระทั่งน้องอาการดีขึ้น และคุณหมอวินิจฉัยว่า น้องสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติแล้ว จึงเอาของเล่นออกมาให้น้องค่ะน้องหมาที่เป็นโรคทางกระดูกและเส้นประสาท เวลาเจ็บปวดจะร้องโหยหวน นอนก็นอนไม่ค่อยหลับเพราะความเจ็บปวด จากที่เคยวิ่งซนได้ ก็ต้องอยู่กับที่ เพราะขยับแล้วก็เจ็บปวด จากที่เล่นของเล่นได้มากมาย ก็ต้องมาอยู่ตัวเดียว น่าสงสารมากค่ะ...คุณนุดผู้ปกครองก็ต้องให้กำลังใจทั้งน้องหมาและตัวเอง เพราะข่าวดีคือ ร่างกายน้องหมาเองก็จะมีการฟื้นฟูตัวเองตามธรรมชาติด้วยเหมือนกันค่ะ...น้องหมาที่บ้าน เดือนแรกค่อนข้างวิกฤติ สองเดือนต่อมาดีขึ้นมาก ๆ และหลังจากนั้นก็ฟื้นฟูสภาพร่างกายค่ะ...การดูแลในระยะแรก คุณนุดอาจจะเหนื่อยหน่อยทั้งกายและใจ แต่เมื่อน้องมีอาการดีขึ้นแล้ว คุณนุดจะรู้ว่าคุ้มกับกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ที่เราให้ไปเพื่อช่วยให้น้องหมาที่รักของเรากลับมามีชีวิตปกติเหมือนเดิมค่ะ.มรรษยวรินทร์(ภาพประกอบทุกภาพ โดย มรรษยวรินทร์) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !