ที่มา : https://pixabay.comขึ้นหัวเรื่องมาแบบนี้ บางคนคงนึกสงสัยว่า แค่เข้าร้านกาแฟต้องมีมารยาทด้วยหรือ? ก่อนอื่นเราต้องยอมรับความจริงที่ว่า ทุกวันนี้ร้านกาแฟไม่เพียงให้บริการเครื่องดื่มแสนอร่อยแก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของใครหลาย ๆ คน เพราะการตกแต่งร้านที่สวยงาม ให้บรรยากาศที่น่านั่ง แอร์เย็นสบาย เปิดเพลงคลอเบา ๆ ซึ่งถือว่าช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการทำงานใด้ระดับหนึ่ง หลายคนจึงเลือกที่จะใช้เวลาในวันหยุดไปกับการนั่งชิล ๆ อ่านหนังสือ ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ในคาเฟ่ประจำที่ไหนซักที่ แต่คาเฟ่จะไม่สามารถเป็นสถานที่สุดชิลได้เลย หากผู้คนที่มาใช้บริการนั้นไม่เคารพสิทธิ ความเป็นส่วนตัวของลูกค้าท่านอื่น ซึ่งมารยาทในการเข้าร้านกาแฟที่จะยกมาให้อ่านกันวันนี้ อาจจะเป็นพื้นฐานที่ทุกคนต่างทราบกันดีอยู่แล้ว แต่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร แต่ถ้าหากได้อ่านบทความนี้จนจบแล้วล่ะก็ คุณอาจจะได้เห็นถึงความสำคัญและได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของลูกค้าด้วยกัน ซึ่งจะทำให้ตัวคุณเองดูดีมีคลาสขึ้นจากปฏิบัติตนตามมารยาทดังต่อไปนี้1. ไม่ส่งเสียงดังภายในร้านอย่างที่ได้เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่มาใช้บริการร้านกาแฟเพราะต้องการพักผ่อนหย่อนใจและดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟอย่างแท้จริง ลูกค้าเหล่านั้นอาจจะต้องการความสงบในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับห้ามพูดคุยกันเสียเลย แน่นอนว่าถ้ามากันป็นกลุ่มก็ย่อมต้องมีบทสนทนากันบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรเป็นการพูดคุยในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่ใช่การหัวเราเอิ๊กอ๊าก จนสร้างความรำคาญให้กับโต๊ะข้างๆ บางร้านมีโซน Out Door ที่สามารถใช้เสียงได้พอสมควรก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มและต้องการแลกเปลี่ยนบทสนทนาซึ่งกันและกัน2. คุยโทรศัพท์ที่โซนOut Door จะดีกว่า ที่มา : https://pixabay.comหากคุณกำลังนั่งดื่มด่ำกับกาแฟตรงหน้าท่ามกลางลูกค้าท่านอื่น ๆ ที่นั่งอยู่รายล้อมด้วยสงบ พร้อมกับเสียงเพลงในร้านกำลังคลอเบาๆ แล้วปรากฏว่ามีสายเข้าพอดี ถ้าเป็นการพูดคุยเพียงสั้น ๆ ไม่กี่นาทีอาจพอเข้าใจได้ แต่หากเป็นบทสนทนาที่ยาวและค่อนข้างเคร่งเครียด อาจจะต้องใช้เสียงนิดหน่อย ขอแนะนำให้ปลีกตัวออกมาด้านนอกของร้าน เพราะถึงแม้คุณจะมั่นใจแล้วว่าคุณพูดด้วยเสียงที่เบาแค่ไหน แต่ลูกค้าโต๊ะข้าง ๆ ก็ยังคงได้ยินเสียงของคุณอยู่ดี นั่นคงจะเป็นการรบกวนสมาธิในการอ่านหนังสือหรือการทำงานของผู้อื่นอย่างมากเลยทีเดียว3. ปลั๊กไฟควรเหลือให้คนอื่นใช้ด้วยภาพถ่ายโดยAndrew NeelจากPexelsเข้าใจว่าหลายท่านต้องการเพียงมานั่งทำงานอย่างสงบเท่านั้น และปลั๊กไฟก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนมองหาเมื่อเข้ามาใช้บริการในร้านกาแฟ จริงอยู่ว่าหลายร้านให้บริการชาร์จไฟฟรีและไม่มีกฏห้ามแต่อย่างใดว่า หนึ่งคนต้องชาร์จเพียงหนึ่งชิ้น แต่ตามหลักการใช้พื้นที่สาธารณะแล้ว ก็ควรเหลือไว้เผื่อลูกค้าท่านอื่นด้วย เพราะคงจะมีน้อยคนนักที่กล้าเอ่ยปากขอ เมื่อห็นว่าคุณได้เสียบที่ชาร์จจนเต็มทุกปลั๊กแล้ว ฉะนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องของใจเขาใจเราเพราะนอกจากจะต้องนึกถึงความต้องการของลูกค้าท่านอื่นแล้ว เรายังควรนึกถึงใจของผู้ประกอบการด้วยเช่นกัน4. ไม่ควรนำอาหารจากข้างนอกเข้ามาทานภายในร้านสำหรับข้อนี้ บางร้านถึงกับต้องมีป้ายห้ามกันอย่างจริงจังเลยทีเดียว และคงจะต้องเน้นย้ำกันสักนิดว่า "คาเฟ่คือธุรกิจประเภทหนึ่ง" การที่ผู้ประกอบการเปิดร้านกาแฟขึ้นมาหนึ่งแห่ง นั่นหมายความว่าเขาย่อมต้องการกำไรหรือต้องการที่จะขายของ การนำอาหารจากร้านข้างนอกเข้ามาทานในร้านจึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง หากจำเป็นต้องถือเข้าร้านจริง ๆ ก็ควรจะเก็บไว้ทานที่บ้านเป็นดีที่สุด5. มารยาทในการถ่ายรูปภาพถ่ายโดยArtem BeliaikinจากPexelsทุกวันนี้ร้านกาแฟจำนวนมากต่างก็มีการตกแต่งร้านให้มีความสวยงาม มีมุมถ่ายรูปน่ารัก เก๋ ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการ และแน่นอนว่าการถ่ายรูปในร้านกาแฟก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็มีสิ่งที่พึงระวังอยู่นิดหน่อย สำคัญที่สุดคือการถ่ายรูปของคุณไม่ควรไปลุกล้ำพื้นที่ของลูกค้าท่านอื่นที่นั่งอยู่ และหากจำเป็นต้องมีการถ่ายงานกันอย่างจริงจัง อาจจะเป็น Video Content หรืออื่น ๆ ที่ต้องมีกล้องหลายตัว มีทีมงาน หรือจำเป็นต้องใช้เสียง ใช้พื้นที่มากเป็นพิเศษ เพื่อความเข้าใจอันดี สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องขออนุญาตทางผู้ประกอบการก่อน อาจจะเป็นลักษณะของการเช่าพื้นที่ในการถ่ายทำหรือตอบแทนโดยการช่วยโปรโมทร้านในสื่อต่าง ๆ ก็สุดแล้วความพอใจของทั้งสองฝ่าย แต่หากเป็นการถ่ายรูปเพื่อลงโชเชียลมีเดียทั่วไปนั้นคงจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็ควรอุดหนุนทางร้านกันอย่างเหมาะสมด้วย ที่สำคัญคื การถ่ายรูปแล้วติดใบหน้าของลูกค้าท่านอื่นภายในร้าน ก่อนที่จะทำการเผยแพร่รูปนั้น ๆ ลงบนโซเชียลมีเดียหรือสื่ออื่น ๆ ควรจะปิดบังหน้าของผู้อื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าตัวมิฉะนั้นอาจมีปัญหาตามมาได้ นอกจากนี้หลาย ๆ ร้านมักจะมี"มุมฮิต" ซึ่งอาจจะเป็นมุมที่ตกแต่งสวยน่ารักเป็นพิเศษ แสงสวยเป็นพิเศษ ที่ไม่ว่าใครมาก็ต้องถ่ายมุมนี้กันทุกคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแชร์กันอย่างเหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าท่านอื่นได้ถ่ายรูปมุมนั้นบ้าง6. เลือกนั่งโต๊ะให้เหมาะสมแก่จำนวนคน ที่มา : https://pixabay.comพูดง่าย ๆ คือถ้าคุณมา 2 ก็ควรที่จะนั่งโต๊ะที่เขาจัดไว้สำหรับ 2 สอง ไม่ใช่นั่งโซฟาใหญ่สำหรับ 6-8 คน ข้อนี้ถือเป็นมารยาทสากลในการเข้าร้านอาหาร หลาย ๆ ร้านจะมีพนักงานต้อนรับที่คอยกล่าวต้อนรับและถามเมื่อคุณเดินเข้ามาในร้านว่า คุณมากี่คน? แล้วพนักงานจะบอกคุณเองว่าคุณสามารถนั่งตรงไหนได้บ้าง เช่นนี้ก็เพื่อที่ทางร้านจะได้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ มิฉะนั้นแล้วหากมีลูกค้าที่เข้ามาแล้วปรากฏว่ามีที่นั่งไม่เพียงพอ คงจะทำให้ทางร้านเสียลูกค้าไปไม่น้อย7. ไม่ควรถอดรองเท้าหรือยกเท้าขึ้นมาบนเก้าอี้ที่มา : https://pixabay.comประเด็นนี้เป็นเรื่องที่มีการถกเฉียงกันมานานมากแล้ว ในเรื่องของความเหมาะสมกับความสะดวกสบาย ถ้าจะมองกันแบบกลาง ๆ การถอดรองเท้าหรือยกเท้าขึ้นมาบนเก้าอี้ แม้แต่การนั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ อาจจะเป็นเรื่องที่อนุโลมได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน แต่ถ้าลองนึกถึงใจของลูกค้าที่นั่งใกล้ ๆ เราแล้ว หากต้องนั่งทานเค้กไปพลาง มองดูหัวแม่เท้าของโต๊ะตรงข้ามไปพลาง ก็คงจะไม่เจริญอาหารเท่าไหร่นัก บางครั้งแม้เครื่องปรับอากาศกับน้ำหอมปรับอากาศของทางร้านจะยี่ห้อดีและแพงขนาดไหน ก็คงจะสู้กลิ่นถุงเท้าที่ลอยคละคลุ้งไปทั่วร้านไม่ได้ หากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของความสบายใจของแต่ละบุคคล ก็อาจจะใช่ แต่ก็คงต้องยอมรับจริง ๆ ว่าการรักษาความสะอาดและควบคุมกลิ่นของแต่ละคน ก็มีเท่ากันเช่นกัน8. การเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งภายในร้านการเคลื่อนย้ายโต๊ะ เก้าอี้ภายในร้านสามารถทำได้ หากไม่ใช่ชิ้นใหญ่จนเกินไป เช่น ต้องการเสริมเก้าอี้จากสี่ตัวเป็นห้าตัว แบบนี้สามารถทำได้ แต่หากมีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องเคลื่อนย้ายโต๊ะ โซฟา ซึ่งมีขนาดใหญ่ ควรขออนุญาตเจ้าของร้านและให้พนักงานทำให้จะดีกว่า และสิ่งของที่ใช้ตกแต่งภายในร้าน เพื่อความสวยงามในการถ่ายรูปใด ๆ ก็แล้วแต่ อาจเป็นสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ เช่น แจกันดอกไม้ หมอน ตุ๊กตา หากหยิบมาจากที่ใดก็ควรที่จะนำกลับไปเก็บที่เดิมเมื่อใช้เสร็จ9. นั่งนานแล้ว สั่งเพิ่มหน่อยดีไหม?ภาพถ่ายโดยSunyu KimจากPexelsถ้าจำเป็นจะต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน อาจจะต้องมีการสั่งอะไรเพิ่มเสียหน่อย ซึ่งข้อนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับบริบทของร้านนั้น ๆ บางร้านอาจจะอนุญาตให้ลูกค้านั่งนานเท่าไหร่ก็ได้ แต่หากบางร้านมีการแสดงอาการไม่ชอบใจที่ลูกค้านั่งนานบ้าง ก็ขอให้เข้าใจว่าผู้ประกอบการเขาต้องแบกรับไฟและค่าเช่าพื้นที่มหาศาล เพราะฉะนั้นแล้ว ใจเขาใจเราเป็นดีที่สุด10. การนัดประชุมในร้านกาแฟการนัดคุยงานในร้านกาแฟนั้นก็เป็นเรื่องที่มีให้เห็นและเป็นที่ยอมรับได้หากไม่ได้เป็นการรบกวนลูกค้าท่านอื่น แต่การนัดคุยงานหรือประชุมเรื่องใด ๆ ขององค์กรโดยมีสมาชิกตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปนั้น อาจจะต้องใช้พื้นที่ภายในร้านค่อนข้างมาก บ้างก็มีขยับเขยื้อนโต๊ะ เก้าอี้ของทางร้านเพื่อมาต่อกัน ยิ่งจำนวนคนมาก ก็ยิ่งต้องใช้เสียงมาก บางครั้งใช้เวลามากเป็น 2 ถึง 3 ชั่วโมง ทำให้ทางร้านเสียโอกาสในการที่จะรับลูกค้าท่านอื่นที่จะเข้ามาและยังเป็นการรบกวนลูกค้าภายในร้านอีกด้วย ทางที่ดีถ้าจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการประชุมลักษณะนี้ อาจจะขอเช่าพื้นที่กับทางร้านเป็นรายชั่วโมง เพื่อทางร้านจะได้แจ้งและทำความเข้าใจกับลูกค้าท่านอื่น ปัจจุบันมีร้านกาแฟหลายแห่งที่ทำเป็นห้องประชุมโดยเฉพาะ มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แบบนี้คงจะสร้างความพึงพอใจแก่ทุกฝ่ายได้สุดท้ายแล้วมารยาทในการใช้บริการร้านกาแฟก็เป็นเรื่องใจเขาใจเรา การเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน แน่นอนว่าทางผู้ประกอบการเองไม่มีใครอยากจะออกมาว่ากล่าวลูกค้า เมื่อมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมภายในร้าน หรือมีการรบกวนลูกค้าท่านอื่น และลูกค้าด้วยกันเองก็คงไม่มีใครอยากจะผิดใจกับใครด้วยเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น เราจึงควรใช้บริการร้านกาแฟกันอย่างมีมารยาทจะดีกว่า เพราะนอกจากทุกคนจะได้ใช้พื้นที่ร่วมกันอย่างสงบและไม่กระอักกระอ่วนใจแล้ว มารยาทเหล่านี้จะช่วยให้คุณดูดีจากข้างในได้ด้วย