TOGเจาะตะวันออกกลาง ลุ้นออเดอร์ใหม่ตุนพอร์ต
#TOG #ทันหุ้น - TOG ติดปีกขยายตลาดสหรัฐ ยิ้มรับไตรมาส 1/2566มีลุ้นรับออเดอร์ใหม่ มองจีนเปิดประเทศไม่กระทบ ลูกค้ายังหาทางกระจายความเสี่ยง มองสร้างยอดขายปี 2566 ได้ไม่ต่ำกว่า 12% จากปีก่อน พร้อมใส่เกียร์ลุยเจาะตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา หลังเห็นแนวโน้มขยายตัวดี
นายธรณ์ ประจักษ์ธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้มีการขยายฐานลูกค้าและรุกเจาะตลาดโดยเฉพาะในแถบสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เริ่มมีลูกค้ารายใหม่ให้ความสนใจและติดต่อเข้ามามากขึ้น โดยคาดว่าในช่วงไตรมาส 1/2566 TOG USA จะได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น ทำให้ในปีนี้วางเป้ายอดขายในสหรัฐจะเติบโตไม่น้อยกว่า 12%
*ลูกค้าแน่น
ขณะที่ประเทศจีนประกาศนโยบายผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ประเทศนั้น มองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อธุรกิจ แม้ว่ากำลังการผลิตเลนส์สายตาในตลาดจะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่เชื่อว่าด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้ประกอบการและลูกค้ามีประสบการณ์ที่จะกระจายความเสี่ยงของการคำสั่งซื้อไปยังแหล่งอื่นๆ กันมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้บริษัทจะยังคงได้รับอานิสงส์อยู่เช่นกัน
ด้านตลาดตะวันออกกลางและแอฟริกา ยังคงมีการเติบโตที่ค่อนข้างชัดเจนเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อนด้วยฐานที่ต่ำ ทำให้คาดว่าปี 2566 จะเห็นปริมาณจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นแบบตัวเลขสองหลัก โดยมองว่ากลุ่มตลาดดังกล่าวมีแนวโน้มการขยายตัวได้อีกมาก เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังใช้จ่ายและมีความต้องการสินค้าเกรดพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการเจรจากับทางพาร์ตเนอร์ท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพิ่มทำการตลาดร่วมกันสร้างความแข็งแกร่ง
ส่วน TOG Europe นั้น ต้องยอมรับว่าราคาพลังงานที่เพิ่มสูง เรื่องของอัตราเงินเฟ้อ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างมีนัย ทำให้ลูกค้าเลือกปรับผลิตภัณฑ์ (Product Mix) ลงมาในกลุ่มที่มีราคาถูกลง ซึ่งมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ด้วยจีนยังคงมาตรการ Zero Covid ทำให้บริษัทคาดว่าจะยังได้รับอานิสงส์คำสั่งซื้อใหม่ๆ จากลูกค้าในกลุ่มนี้อยู่
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายรวมไว้ที่ไม่น้อยกว่า 12% จากปีก่อน ส่วนแผนการลงทุนในปี 2566บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่กว่า 800 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการลงทุนเครื่องจักรผลิตเลนส์สายตาส่วนบุคคลอีก 50% การลงทุนในอาคาร การติดตั้งโซลาร์รูปท็อป รวมประมาณ 500 ล้านบาท เบื้องต้นคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมทดสอบสายการผลิตในช่วงเดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นไป รวมถึงจะแบ่งเงินลงทุนอีกราว 200 ล้านบาท มารองรับการลงทุนในส่วนของเลนส์แคสติ้ง และติดโซลาร์รูฟท็อปในส่วนของการผลิตเลนส์แคสติ้ง
สำหรับเงินลงทุนในส่วนที่เหลือราว 60-100 ล้านบาท บริษัทจะนำมารองรับการพัฒนาในระบบไอที และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ปัจจุบันบริษัทมีอัตราการใช้กำลังการผลิตในส่วนของหล่อเลนส์สายตาอยู่ที่ประมาณ 92% ของกำลังผลิตในส่วนดังกล่าวที่มีทั้งหมด หรือคิดเป็นกว่า 3 ล้านชิ้นต่อเดือน ขณะที่การใช้อัตรากำลังการผลิตในส่วนของเลนส์ Rx นั้น ถูกใช้เต็ม 100% แล้ว หรือใช้กำลังผลิต 1 หมื่นเลนส์ต่อวัน
โบรกแนะนำ"ถือ"
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าทางฝ่ายวิจัยคงกำไรปกติปี 2565 ที่ 329 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน แต่ปรับกำไรปกติปี 2566 ลง -5% เป็น 327 ล้านบาท หดตัว -0.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน จากการปรับสมมติฐานรายได้และGPM ลง เพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและปัจจัยกดดันจากจีนประกาศเปิดประเทศ แม้แนวโน้มคำสั่งซื้อจากคู่ค้าที่ Diversify ความเสี่ยงจากจีน จะอยู่ในระดับสูงอย่างน้อยในไตรมาส 1/2566
แต่มองว่ามีโอกาสที่คู่ค้าจะส่งคำสั่งซื้อลดลงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังปี 2566 หากสถานการณ์ในจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับความคืบหน้าการเจรจาลูกค้ารายใหม่ในสหรัฐ คาดจะลงนามสัญญาและพร้อมส่งคำสั่งซื้อในช่วงปลายไตรมาส 1/2566 เบื้องต้นมองปัจจัยดังกล่าวจะยังไม่ Contribute ผลการดำเนินงานปี 2566 อย่างมีนัย ทั้งนี้ ลูกค้าอาจมีการพิจารณาขยายคำสั่งซื้อมากขึ้นในช่วงกลางปีนี้ อย่างไรก็ดี ทางฝ่ายปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” ราคาเป้าหมาย 10.00 บาท