รีเซต

"ผู้ว่าฯปู" สั่งชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากวัดต้นสนภายในวันนี้ พร้อมประสานหน่วยงาน เร่งเสริมแนวกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ศก.

"ผู้ว่าฯปู" สั่งชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากวัดต้นสนภายในวันนี้ พร้อมประสานหน่วยงาน เร่งเสริมแนวกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ศก.
มติชน
26 ตุลาคม 2564 ( 17:14 )
85
"ผู้ว่าฯปู" สั่งชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากวัดต้นสนภายในวันนี้ พร้อมประสานหน่วยงาน เร่งเสริมแนวกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ศก.

“ผู้ว่าฯปู” สั่งชลประทานเร่งสูบน้ำออกจากวัดต้นสนภายในวันนี้ พร้อมประสานหน่วยงาน เร่งเสริมแนวกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้าพื้นที่ศก.

 

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานที่วัดต้นสน อำเภอเมืองอ่างทอง นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง นายศักดา บรรดาศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองพร้อมด้วยนายสุรเชษ นิ่มกุลนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดอ่างทองและ นายสกล แก้วปวงคำ นายอำเภอเมืองอ่างทอง และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่บริเวณวัดต้นสน อำเภอเมืองจังหวัดอ่างทอง หลังจากถูกน้ำท่วมเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเพื่อเร่ง แก้ปัญหาเบื้องต้น ใช้รถแบคโฮหย่อนกระสอบทรายและถุงบิ๊กแบ็ค ข้ามรั้ววัด ลงไปอุด ยังจุดน้ำมุดทะลักขึ้นมาท่วม แล้วใช้แบริเออร์ เป็นแนวกั้นล้อมน้ำเอาไว้ พร้อมนำดินลูกรัง มาเสริมเพื่อป้องกันน้ำไหลทะลัก เข้าสู่พื้นที่เขตเศรษฐกิจ ตลาดย่านธุรกิจการค้า ในเขตตำบลตลาดหลวง อำเภอเมืองอ่างทอง

 

นายสุรเชษ นิ่มกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอ่างทอง กล่าวว่า หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาทะลุคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาลอดผ่านกำแพงวัดต้นสน ต.ตลาดหลวง อ.เมือง จ.อ่างทองทะลักเข้าท่วมเป็นวงกว้าง ซึ่งหากไม่สามารถอุดรอบรั่วบริเวณจุดนี้ได้จะทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจในตัวเมืองอ่างทอง โดยกำลังจากพระ เณร วัดต้นสน เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองอ่างทอง เจ้าหน้าที่ทหาร อาสาสมัครกู้ภัยและอาสามูลนิธิปอเต๊กตึ้งรวมถึงชาวบ้านต่างรวมแรงร่วมใจกันลำเลียงกระสอบทรายเข้าไปทำแนวกั้นบริเวณจุดที่น้ำทะลุกำแพงออกมา ซึ่งหลังจากใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงจึงสามารถชะลอน้ำไว้ได้ท่ามกลางความดีใจของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดยุทศาสตร์สำคัญของจังหวัดอ่างทองตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

 

 

ล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบอีกครั้งพบว่าภายในวัดยังมีน้ำท่วมสูง บางจุดสูงกว่า 1 เมตรโดยเฉพาะด้านหน้าวิหารพระศรีเมืองทอง ทางญาติโยมต้องช่วยกันเดินลุยน้ำและพายเรือลำเลียงอาหารไปถวายให้กับพระสงฆ์ที่อยู่ภายในวัดเนื่องจากยังไม่สามารถเดินออกมาได้ ขณะที่บริเวณด้านหลังบ่อเต่าของทางวัดที่มีเต่าอยู่นับพันตัวและเป็นจุดที่น้ำทะลักลอดพื้นถนนด้านนอกเข้ามาท่วมภายในวัดทางเจ้าหน้าที่และชาวบ้านร่วมกันนำกระสอบทรายเข้าไปอุดจนสามารถชะลอน้ำได้แล้วและทางเทศบาลเมืองอ่างทองนำลูกรังและดินสร้างแนวกันที่สองล้อมรอบบริเวณบ่อเต่าซึ่งเป็นจุดเสี่ยงเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง แต่ไม่สามารถย้ายเต่าออกมาได้เนื่องจากปริมาณเต่ามีเป็นจำนวนมากซึ่งทางเจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำจากบ่อเต่าออกมาด้านนอกต่อเนื่อง

 

 

ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำที่บริเวณวัดต้นสน ผู้สื่อข่าวจึงสอบถามถึงการดำเนินการระบายน้ำ โดยนายวีระศักดิ์ กล่าวว่าเบื้องต้นได้รับรายงานว่าทางชลประทานอ่างทองจะนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งในวันพรุ่งนี้ จึงสั่งการให้นำมาติดตั้งโดยทันที เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากบริเวณวัดให้หมดภายในวันนี้ เพราะพระ เณร และแม่ชี กำลังได้รับความเดืดดร้อน อีกทั้งในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ทางวัดต้นสนจะมีงานกฐิน จึงต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน คาดว่าวันนี้ไม่เกิน 1 – 2 ทุ่ม ต้องสูบน้ำออกจากวัดหมดอย่างแน่นอน เพราะพรุ่งนี้จะได้เริ่มทำความสะอาดเพื่อรองรับงานกฐินของวัดที่กำลังจะมีขึ้น พร้อมทั้งสั่งการ​ให้ นางสาวสุพีพร​ โมรา​ หัวหน้าสำนักงาน​ป้องกัน​และ​บรรเทา​สาธารณภัย​จังหวัด​อ่างทอง​ ลงพื้นที่สนับสนุนภารกิจการอำนวยการแก้ไขสถานการณ์​ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด​ และเทศบาลเมืองอ่างทอง​ ซึ่งมีนายสุรเชษ​ นิ่มกุล​ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด​ พร้อมด้วยนายทนงศักดิ์​ ศรีวิเชียร​ ปลัดเทศบาลเมืองอ่างทอง​ โดยการมอบหมายจากนายเตือนใจ​ ทรงไตร​ นายก​เทศมนตรี​เมือง​อ่างทอง​ พร้อมทีมงาน​ อบจ.,เทศบาล,จิตอาสา,ทหาร​ ฯลฯ​ ร่วมระดมกำลังการวางกระสอบทราย​ ลงบิ๊กแบ็ค และทำคันดินล้อมน้ำให้อยู่ภายในบริเวณวัด​ ป้องกันการไหลเข้าสู่ชุมชน

 

สำหรับจังหวัดอ่างทองมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 5 อำเภอ 41 ตำบล 188 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 5,816 ครัวเรือน ล่าสุดเขื่อนเจ้าพระยาที่จังหวัดชัยนาทระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนที่ 2,639 ลบ.เมตร/วินาที ทำให้ระดับน้ำที่หน้าศาลากลางจังหวัดอ่างทองยังอยู่ในระดับวิกฤติ 9.20 เมตร/รทก.จากระดับวิกฤติที่ 9 เมตร/รทก.โดยแม้จะเริ่มลดลงแต่ยังคงต้องเฝ้าระวังในหลายพื้นที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง