3 โบรกฯ คาดแนวโน้มหุ้นภาคบ่าย แนะกลยุทธ์ลงทุน

#ทันหุ้น-บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า มุมมองต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่ค่อนข้างสวนทางกัน ทำให้ GDP Growth ของไทยมี Gap ที่กว้างมากขึ้น อาจกดดันตลาดผันผวนช่วงสั้น แต่ในแง่ Valuation ถือว่าถูก สอดคล้องกับ Timing ทางเทคนิค หากดัชนีพ้น 1,365จุด จะเกิด False Breakout ของขา C ที่เกือบแตะ 1,350 จุด และกลับมาทำฐานดีดกลับ Double Bottoms รอบหลักมีต้าน 1,400 จุด และกรอบบน 1,440 จุด
โดยปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่ บ่าย 2 โมงวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญชี้ชะตาปมนายพิธาถือหุ้นสื่อ ทั้งคำวินิจฉัยเชิงบวกหรือลบ อาจมีผลต่อ Sentimentของตลาดบ่ายนี้ได้
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศและในประเทศที่มีผลต่อตลาดหุ้น ประกอบด้วย ดอกเบี้ยโลกอยู่ในแนวโน้มทรง-ผ่อนคลาย Consensus คาด ECB (4.5% : 25 ม.ค.), FED (5.5% : 31 ม.ค. ) และ BOE (5.25% : 1 ม.ค. ) รวมทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือธปท. (2.5% : 7 ก.พ. ) จะคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม โดยเฉพาะไทยรอบประชุม กนง. 7 ก.พ. และ 10 เม.ย.นี้ ยังไม่น่ามีสัญญาณการปรับลดดอกเบี้ย หลังผู้ว่า ธปท. ประเมินเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว แม้จะว่าช้ากว่าที่คาด แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤต
เมื่อวาน IMF ปรับเพิ่ม GDP ไทยปี 2566 โต 4.4% จากเดิม 3.6% สวนทางกับตัวเลขที่ Bloomberg รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวอย่างไม่เป็นทางการ คาดจะโตเพียง1.8% YoY ในปี 2566และ 2.8%YoY ปี 2567 ต่ำกว่าที่ธปท. คาดจะโต 2.4% และปี 2567 จะโต 3.2% ไม่รวม Digital Wallet กลุ่มหุ้นที่ Outperform แม้ GDP โตต่ำ เช่น กลุ่มส่งออกและท่องเที่ยว
บล.เอเอสแอล ระบุว่าดัชนีภาคเช้าแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,354-1,366 จุด แม้ว่า Indicator ค่อนข้าง Oversold แต่ยังไม่เห็นสัญญาณบวกที่ชัดเจน โดยตลาดรอติดตามศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคดีถือหุ้น ITV ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์, การประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน และการแถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทยในปี 2566-2567 ของกระทรวงการคลัง ที่มีกระแสข่าวว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 น่าจะขยายตัวได้ 1.8% ต่ำกว่าที่นักลงทุนประเมิน
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ รอดูตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/66 และ PCE ของสหรัฐ, มาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นจีนกว่า 2.78 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน
ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายบน Fwd PE 13.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี (@15.4 เท่า) -1.0 S.D มีความน่าสนใจในเชิง Valuation และลุ้นรีบาวด์จากตลาดคาดหวังเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4/66 จะเป็นจุดต่ำสุด และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นของภาครัฐในระยะถัดไป ส่วนระยะกลางคาดว่าเห็นแรงขายต่อเนื่องของนักลงทุนต่างชาติในช่วงครึ่งแรกปี 2567 จนว่าจะเริ่มเห็น Fed pivot การเร่งเบิกจ่าย และ market EPS ที่ฟื้นตัว
กลยุทธ์การลงทุน เน้นยืนแนวรับจุดต่ำก่อนหน้าที่ 1352 จุด ไม่ควรต่ำกว่า เพื่อจำกัดโมเมนตัมขาลง ส่วนแนวต้านทดสอบที่ 1,366 และ 1,374 จุด
บล.โกลเบล็ก ระบุว่าดัชนีแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,350-1,365 จุดโดยการรีบาวด์เป็นไปอย่างจำกัด จาก Fund Flow ที่ไหลออกต่อเนื่อง และปัจจัยทางเทคนิคที่กดดัน ทำให้การรีบาวด์เป็นไปอย่างจำกัด ช่วงบ่ายดัชนีมี แนวรับที่ 1,350 จุด ส่วนแนวต้าน 1,365 จุด
ขณะที่ตลาดหุ้นภาคเช้าดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก สาเหตุมาจากปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศมากกว่า 2 ล้านคน จึงหนุนให้หุ้นภาคบริการปรับตัวขึ้นได้แก่ ERW, MINTและ BA ส่งผลให้ดัชนีพักเที่ยงปิดตลาดที่ 1,359.33 จุด บวก 2.79 จุด หรือ 0.21% มูลค่าการซื้อขาย 21,153 ล้านบาท