กระแสต้านฉุดเม็ดเงิน"ท่องเที่ยวสหรัฐฯ" ร่วง

สภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก (World Travel and Tourism Council-WTTC) ระบุว่า เม็ดเงินใช้จ่ายของชาวต่างชาติในสหรัฐฯ มีแนวโน้มจะลดลงร้อยละ 7 หรือราว 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปีนี้ เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเลือกจุดหมายปลายทางอื่นแทน

สหรัฐฯ เป็นเขตเศรษฐกิจสำหรับการเดินทางและการท่องเที่ยวขนาดใหญ่สุดในโลก แต่คาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติในสหรัฐฯ ปีนี้ จะลดลงต่ำกว่า 1.69 แสนล้านดอลลาร์ จาก 1.81 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2567 และต่ำกว่าระดับสูงสุดในปี 2562 ร้อยละ 22 

“จูเลีย ซิมป์สัน” CEO ของสภาการเดินทางและการท่องเที่ยวโลก ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวพักผ่อนในสหรัฐฯ เนื่องจากไม่ชอบนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกอบกับความกังวลที่จะถูกห้ามเข้าบริเวณชายแดน และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์

ในบรรดา 184 ประเทศ มีเพียงสหรัฐฯ ที่ประเทศเดียวที่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง สะท้อนว่าสหรัฐฯ เสี่ยงจะสูญเสียตำแหน่งผู้นำในด้านนี้ 

สำหรับการแข็งค่าของดอลลาร์จะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในสหรัฐฯ มีราคาแพงขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุให้การใช้จ่ายของชาวต่างชาติลดลงในปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีปัจจัยจากการเมืองและความกังวลเกี่ยวกับนโยบายเข้าเมืองที่อาจกระทบต่อจำนวนชาวต่างชาติที่เดินทางเยือนสหรัฐฯ

เมื่อเดือนมีนาคม ทางการเยอรมนีแนะนำการเดินทางไปสหรัฐฯ โดยเตือนว่าการขอวีซ่าหรือมีเอกสารยกเว้น ก็อาจไม่ได้รับประกันการเข้าประเทศ หลังจากชาวเยอรมันหลายคนถูกกักตัวที่ชายแดน

“ซิมป์สัน” กล่าวด้วยว่า ส่วนอื่น ๆ ของโลกส่งสัญญาณเปิดกว้างต้อนรับผู้คนให้เดินทางเยือน แต่สหรัฐฯ กลับส่งสัญญาณปิดทำการ 

ข้อมูลจากสมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหรัฐฯ ระบุว่า นักท่องเที่ยวชาวแคนาดาใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ มากกว่านักท่องเที่ยวชาวอเมริกันถึง 3 เท่า ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่ายมากกว่านักท่องเที่ยวอเมริกัน 7-8 เท่า