สำหรับผู้ที่เริ่มปลูกต้นไม้อาจจะเกิดข้อสงสัยมากมาย โดยเราต้องอาศัยการสังเกต การเอาใจใส่ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับต้นไม้ของเราเสมอ เพราะการปลูกต้นไม้บางต้นปลูกหนึ่งอย่างแต่ให้ประโยชน์หลายอย่าง ซึ่งการปลูกต้นไม้ให้สวยและอยู่รอดได้ต้องมีเทคนิคและขั้นตอนพื้นฐานที่ทุกคนควรรู้ดังต่อไปนี้เลย ข้อควรรู้ก่อนปลูกต้นไม้ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่าเราอยากปลูกส่วนใดของบ้าน เพราะว่าต้นไม้ในแต่ละประเภทมีการเจริญเติบโตและมีวิธีการดูแลที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก ก็คือตำแหน่งที่เราต้องการปลูก ซึ่งจะประกอบไปด้วยดังนี้ 1.ปลูกต้นไม้หน้าบ้านสำหรับต้นไม้ที่เราจะปลูกหน้าบ้านนั้น จะต้องคำนึงถึงพื้นที่บ้านว่ามีขนาดใหญ่หรือเล็ก โดยคนที่มีพื้นที่เยอะควรจะปลูกไม้ยืนต้นมากกว่า เพราะว่าประโยชน์ของการปลูกต้นไม้หน้าบ้านก็คือจะช่วยสร้างร่มเงาให้ตัวบ้าน ลดอุณหภูมิของตัวบ้าน ซึ่งต้นไม่ที่จะปลูกสามารถปลูกได้ทั้งต้นเล็ก ไม้พุ่มหรือต้นไม้ใหญ่ ยกตัวอย่าง ไม้ยืนต้น ต้นทับทิม ต้นราชพฤกษ์หรือต้นคูณ ต้นวาสนา ต้นโมก ต้นนางกวัก เป็นต้น โดยในการเลือกนั้นควรหลีกเลี่ยงต้นไม้ที่ไม่ทนแดดจัด 2.ปลูกต้นไม้ในบ้านสำหรับคนที่มีปลูกต้นไม้มักจะเป็นคนที่เนื้อที่ไม่เยอะ ควรเน้นพันธุ์ไม้ขนาดกลางไม่ใหญ่มาก หรืออาจจะไม้ฟอกอากาศหรือไม้กระถางเพื่อขจัดมลพิษบ้านยกตัวอย่างเช่น ไม้เลื้อยอย่างพลูด่าง เคราฤาษี เดฟด่าง สัปรดอากาศ เป็นต้น ส่วนไม้กระถางก็ควรปลูก กวักมรกต ต้นรวยไม่เลิก ต้นแก้วแคระ แคสตัส กุหลาบหิน ดอกพุดสายพันธุ์ต่างๆ เพราะถือว่าเป็นการตกแต่งบ้านภายในตัวอีกด้วย 3.ปลูกต้นไม้ในห้องนอนการปลูกต้นไม้ในห้องนอน มักเน้นปลูกต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่กินเนื้อที่ สามารถอยู่ในร่มและมีแสงแดดส่องถึง ไม่ได้ต้องการแสงมาก โดยขอแนะนำเป็นการปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ ที่จะช่วยลดมลพิษในบ้าน และเพิ่มอากาศสะอาดให้แก่ผู้อยู่อาศัยยกตัวอย่างเช่น ยางอินเดีย มอนสเตร่า เดหลี ลิ้นมังกร เขียวหมื่นปี กระบองเพชร ต้นไทรใบสัก เป็นต้น ซึ่งต้นไม้เหล่านี้อาจจะต้องวางไว้ในจุดที่มีแดดส่องถึงหรืออาจจะให้น้องรับแดดอย่างน้อยวันละ 4-6 ชั่วโมง วิธีการเลือกพรรณต้นไม้การเลือกพรรณไม้ก่อนที่เราจะปลูก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าเราจะสามารถดูแลได้หรือไม่ เข้ากับตัวบ้านหรือสวนของเราหรือไม่ ถ้าเกิดว่าซื้อไปแล้วหลังปลูกน้องตาย เราก็จะเสียทั้งเวลาและเงินด้วย จะมีวิธีใดบ้างลองไปดูกันเลย 1.การเลือกซื้อต้นไม้ ควรเลือกซื้อต้นที่แข็งแรง ส่วนของก้านหนาและแข็งแรง ไม่เหี่ยวหรือหัก ต้องสังเกตที่ใบต้องมีสีสด ไม่มีรอยช้ำหรือมีพวกแมลงอาศัยอยู่ ในส่วนของลำต้นต้องไม่พบโรคหรือแมลงปะปนมา ในส่วนของดินในกระถางต้องไม่มีเชื้อราสีขาว หรือมีแมลงอาศัยอยู่ 2.ควรสอบถามข้อมูลต้นไม้เบื้องต้นหรือวิธีดูแลจากผู้ขายหรือถามกับคนที่เชื่อถือได้ หรือว่าเราจะค้นคว้าหาความรู้เองเพิ่มเติมได้ การเลือกภาชนะในการปลูกภาชนะสำหรับการปลูกต้นไม้ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะเป็นตัวบ่งชี้ความเจริญเติบโตของต้นไปและเป็นการกำหนดทิศทางการเจริญเติบโตในอนาคตอีกด้วย ถ้าเลือกไม่ถูกประเภทต้นไม้ของเราก็จะตายไปฟรีๆเลย 1.ภาชนะดินเผา ข้อดี1.จะเหมาะกับต้นไม้ที่ต้องการอากาศถ่ายเท ระบายน้ำได้ดี 2.สีสันที่ดูเป็นธรรมชาติ เรียบสวย โดยกระถางจะมีมีรูพรุนจากอากาศในดินก่อนเผา ทำให้มีการถ่ายเทของอากาศและความชื้นของดินได้ดี 3.ทำให้รากพืชได้รับออกซิเจนที่เพียงพอ มีการเจริญเติบโตได้ดี ทั้งด้านบนและด้านล่าง4.ช่วยลดปริมาณของขยะพลาสติกได้อีกหนึ่งทาง ข้อเสีย1.ในบางขนาดมีราคาค่อนข้างสูง แถมยังมีรูปทรงมีให้เลือกน้อย เปราะบางและแตกหักได้ง่าย 2.มีน้ำหนักเยอะ ทำให้การขนย้ายลำบาก3.หากใช้ไปนานๆ ก็เป็นตะไคร้หรือราขึ้นที่กระถาง เพราะเกิดจากสะสมของความชื้นไว้นาน 4.ทำความสะอาดยาก เมื่อเกิดตะไคร่และคราบเกลือตามบริเวณของกระถาง แถมยังเป็นผลเสียให้แก่ต้นไม้ของเราได้อีกด้วย เคล็ดลับในการปลูกก่อนเราจะปลูกให้นำเอากระถางดินเผาไปแช่น้ำก่อน เพื่อให้ภาชนะเกิดอิ่มตัวของน้ำ เพื่อที่จะไม่ดูดซับความชื้นออกจากวัสดุปลูก 2.กระถางพลาสติก ข้อดี1. ราคาถูก มีความคงทนมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 2.ช่วยรักษาความชื่นได้ดี มีรูพรุนจึงสามารถเก็บความชื้นได้ ไม่มีปัญหาเรื่องตะไคร่น้ำ 3.ทำความสะอาดง่ายทนต่อสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้ดี ฝนได้นานกว่า4.น้ำหนักเบา สามารถขนย้ายได้ง่าย สะดวกต่อการขนส่งเป็นอย่างยิ่ง ข้อเสีย1.ถ้าดินในกระถางเกิดการอัดแน่น จะทำให้อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพราะว่าลักษณะของกระถางเป็นแบบทึบแสง ไม่มีรูพรุน หรือรูอากาศอยู่เลย 2.ถ้าในดินปลูกไม่ร่วนซุย จะทำให้รากโตช้าและเน่าได้ เพราะว่ารากขาดออกซิเจนได้ รวมถึงการรดน้ำมากเกินไปก็จะทำให้ต้นไม้เน่าตายได้3. หากตากแดดเป็นเวลานานๆ ทำให้กระถางมีความกรอบและแตกหักง่ายได้ง่าย เคล็ดลับในการปลูกก่อนปลูกต้นไม้ลงไปยังกระถางใหม่ ให้ทำการนวดกระถางก่อน เพราะจะทำให้ดินที่อัดแน่นอยู่บริเวณของกระถางและรากของต้นไม้จะแยกออกขากกระถางได้ง่ายขึ้น และทำให้การย้ายต้นไม้เร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่ต้องเสียเวลาใช้อุปกรณ์อื่นๆแซะกระถาง 3.กระถางเซรามิคข้อดี1.มีลวดลายที่สวย มีหลายรูปทรงและหลายรูปแบบ ผิวด้านนอกมันวาวและลื่น เหมาะกับการปลูกต้นไม้ให้ดูดีกว่าเดิม2.ไม่เกิดตะไคร่หรือคราบเกลือ เพราะว่ากระถางเซรามิคเก็บความชื้นได้ดี ไม่ต้องรดน้ำบ่อยๆ3.ทำความสะอาดง่าย ไม่ยุ่งยาก ข้อเสีย1.ตัวกระถางมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ทำให้มีโอกาสที่จะแตกหักได้ง่าย ต้องระวังอย่างดี 2.การเคลือบของเซรามิก ทำให้อากาศที่มีเข้าไปได้ยาก เพราะไม่มีรูพรุน จึงเกิดความชื้นไม่เท่ากัน ทำให้การถ่ายเทของอากาศภายในกระถางได้ไม่ดี และยังระบายน้ำได้เฉพาะทางรูใต้กระถางเท่านั้นเอง3.ราคาค่อนข้างแพง เพราะใช้ระยะเวลาและวัสดุที่มีราคาสูง 4.จานรองกระถางไม้นอกจากจะรองน้ำไม่ให้ไหลเลอะเทอะพื้นแล้วนั้น ยังช่วยกักเก็บน้ำให้ต้นไม้ดูดกลับไปใช้ผ่านวัสดุปลูกได้ เพราะกับคนที่มักจะลืมรดน้ำต้นไม้ แถมยังลดโอกาสสำหรับรากที่จะชอนไชไปยังดิน ซึ่งจะทำให้ตัวบ้านและอาคารเกิดความเสียหายได้ ข้อควรระวังสำหรับภาชนะปลูก1.ไม่ควรนำภาชนะปลูกเก่าที่ผ่านการปลูกพืชมาใช้ซ้ำทันที เพราะว่าจะต้นไม้ของเราติดโรคได้ ควรนำไปล้างทำความสะอาด หรือทำการตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค และกำจัดแมลงต่าง ๆที่อาจปะปนอยู่ในดิน 2.สำหรับกระถางแบบไม้ ที่ทำมาจากใยมะพร้าวอัดรวมกันเป็นทรงกระถาง เช่น กระเช้ากล้วยไม้ ควรนำไปแช่น้ำไว้อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยางของไม้หลุดออก เนื่องจากยางไม้อาจเป็นอันตรายต่อรากพืช ให้เกิดการกัดกร่อนและรากเน่าได้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการปลูกต้นไม้ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะปลูกต้นไม้ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อต้นไม้ สามารถชี้ชะตาของต้นไม้ได้เลย สำหรับไม้กระถาง ไม้ประดับหรือดอกไม้ควรปลูกในช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็นๆ เพราะว่าอากาศกำลังดี ไม่ร้อนจนเกินไป อากาศถ่ายเทได้ดี ต้นไม้จะลดการคายน้ำ ทำให้ส่วนของลำต้นและรากสามารถเติบโตได้ดี เวลาที่เหมาะต่อการรดน้ำต้นไม้1.ตอนเช้ามีการถกเถียงกันมากว่าควรรดน้ำตอนเช้าหรือตอนเย็น คำตอบที่คนพูดกันบ่อยๆ คือ รดตามสะดวก แต่ถ้าจะว่ากันตามทฤษฎี เราควรรดตอนเช้า โดยเฉพาะช่วงเวลา 06.00 – 08.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ต้นไม้เริ่มสังเคราะห์แสง เป็นช่วงเวลานานพอที่น้ำจะไม่ขังในดินจนรากเน่า ถ้ารดโดนใบก็จะระเหยไม่ค้างอยู่บนใบจนใบเน่า 2.ตอนเย็นตอนเย็นควรรดน้ำก่อนพระอาทิตย์ตกประมาณ 16.00 น. – 18.00 น. เพื่อให้น้ำในดินระเหยออกไปบ้างบางส่วน ไม่เก็บความชื้นไว้มากเกินไป เพราะถ้าเลยช่วงเวลานี้ ไปแล้วความชื้นที่สะสมมากอาจจะ3.ตอนกลางคืนในช่วงกลางคืนสามารถรดน้ำต้นไม้ได้ แต่จะเสี่ยงต่อการทำให้ดินชื้นมากเกินไป จนกระทั้งทำให้รากเน่าได้ แต่สำหรับใครที่ไม่ได้รดน้ำต้มไม้เป็นเวลานานก็สามารถรดน้ำได้ตามปกติเลย แต่ทางที่ดีก็ควรรดในช่วงที่พระอาทิตย์ขึ้นดีกว่าข้อควรระวัง1.ไม่ควรรดน้ำในตอนกลางวันที่แดดจัด เพราะว่าเป็นช่วงเวลาที่อุณหภูมิในอากาศค่อนข้างสูง พอดินที่โดนน้ำในช่วงเวลากลางวันนี้ จะเกิดการสะสมความร้อนสูงในดิน ซึ่งดินจะคายความร้อนออกมา ทำให้เกิดความร้อนชื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการเหี่ยวเฉาของลำต้น และในส่วนของ ใบจะเกิดการคายน้ำมากเกินไป จะทำให้ใบเหี่ยวและตายได้ 2.ควรรดน้ำต้นไม้ก่อนที่ย้ายไปปลูกที่ใหม่ เพราะว่าจะทำให้ดินจับตัวกันเป็นก้อน ดินไม่แตกง่าย ทำให้การย้ายไปปลูกจะง่ายและสะดวกขึ้น แถมยังช่วยป้องกันการขาดของรากด้วย 3.ไม่ควรย้ายต้นไม้ในช่วงเช้า เพราะพอเราย้ายไปไว้ก็จะคาบเกี่ยวกับช่วงกลางวันพอดี ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีแสงแดดจัด มีอุณหภูมิสูง ทำให้ต้นไม้เกิดการคายน้ำมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเหี่ยวเฉาได้ง่าย ซึ่งเวลาที่เหมาะแก่การย้ายคือช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ใกล้ตก อุณหภูมิของอากาศจะค่อยลดต่ำลง ทำให้ต้นไม้ไม่ได้รับความร้อนต่อเนื่องเป็นเวลานานนอกจากนี้ยังมีเวลาการปลูกตามความเชื่ออีกด้วย ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้เลย1.วันอาทิตย์ ควรปลูกพืชในลักษณะที่ให้หัว หรือเหง้า เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ เผือก มัน สำหรับต้นไม้ก็จะเป็นพวกกวักมรกต หรือว่านต่างๆ โดยให้ปลูกตอนเย็น 2.วันจันทร์ ปลูกพืชที่ให้ใบที่นำมาใช้ประกอบอาหารได้ เช่น ต้นแมงลัก ผักกาด โหระพา สำหรับต้นไม้แนะนำให้ปลูกไม้ใบ ฟิโลเดรนดอน เฟิน พลูฉีก / พลูแฉก อโลคาเซีย อโกลนีมา เป็นต้น โดยให้ปลูกตอนบ่ายแก่ๆ ที่ไม่ใช้เวลาเที่ยงตรงถึงบ่ายสอง 3.วันอังคาร ให้ปลูกไม้จำพวกเครือ เถา พืชเลื้อย เช่น ตำลึง แตงโม สำหรับต้นไม้ เช่น พลูด่าง เคราฤาษี เดฟด่าง เดปเขียว โดยปลูกตอนสาย ก็คือช่วงเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า 4.วันพุธ ควรปลูกต้นดอกที่นำมาประกอบอาหาร หรือดอกไม้ พันธ์ไม้ดอกชนิดต่างๆ เช่น อัญชัน กุหลาบ ทองอุไร ดอกเข็ม ดอกพวงชมพู โดยปลูกตอนสาย ก็คือช่วงเวลาประมาณ 9-10 โมงเช้า 5.วันพฤหัสบดี ให้ปลูกไม้ที่ให้ฝัก หรือรวง เช่น ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว สำหรับต้นไม้ ก็คือพวกไม้เลื้อย ให้ปลูกตอนเย็น 6.วันศุกร์ ปลูกต้นไม้ที่ให้ผล เช่น มะม่วง ส้ม ฝรั่ง เป็นต้น สำหรับต้นไม้ อาจจะเป็นต้นสตอเบอร์รี่เเคระ หรือต้นตะขบจิ๋ว ต้นส้มบอนไซ ต้นทับทิม เป็นต้น ให้ปลูกตอนเช้า 7.วันเสาร์ ปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วไป ในช่วงเวลาใดก็ได้ ยกเว้นตอนกลางวันที่มีแดดจัด ยกตัวอย่างเช่น ต้นแก้ว ต้นโมก ต้นพุด เป็นต้น วิธีรดน้ำต้นไม้อย่างถูกวิธีต้องบอกก่อนเลยว่าต้นไม้แต่ละพันธุ์ชอบน้ำไม่เท่ากัน บางต้นชอบน้ำมาก บางต้นชอบน้ำน้อย ดังนั้นก่อนจะลงมือรดน้ำ เราควรรู้ก่อนว่าต้นไม้ของเราชอบการรดน้ำแบบไหน และแบบใดคือวิธีการที่ถูกต้อง 1.ควรรู้ว่าต้นไม้ของเราอยู่ในประเภทใดถ้าเป็นไม้ใบหรือพวกไม้ประดับก็ควรรดน้ำอย่างน้อย สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง เพราะว่าการเจริญเติบโตของราก ต้องอาศัยความชื้นจากดินและน้ำ แต่ถ้าเป็นไม้ที่ทนแดด เช่นกระบอกเพชร ไม้อวบน้ำ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ให้รดน้ำอย่างน้อยสัปดาห์ละ1-2ครั้ง เพราะว่า เป็นไม้ที่ไม่ได้ชอบน้ำเยอะหรือดินที่ที่ชื้นแฉะ 2.การเช็กดินว่าควรรดน้ำได้หรือยังให้สังเกตที่หน้าดินในกระถางหรือบริเวณโคนต้นไม้ ว่าดินเปลี่ยนสีหรือไม่ถ้ามันเริ่มมีสีซีดและจากก็ควรรถน้ำได้เลย เพราะบางครั้งเราก็หลงๆลืมว่าใดรดไปแล้วหรือยัง 3. ควรรดน้ำตรงไหนของต้นไม้หลายคนอาจจะประสบปัญหาเกี่ยวกับการถน้ำต้นไม้ พึ่งรดไปเมื่อวาน ข้ามวันไปก็แห้งอีกแล้วแถมต้นยังเท่าเดิม ซึ่งจุดที่ควรรดน้ำที่สุดคือโคนต้นไปจนถึงราก เพราะเขาจะสามารถดูดซึมได้ดีขึ้น การรดตั้งแต่โคนต้นจะทำให้น้ำไหลไปตามทางของรากโดยอัตโนมัติ ส่วนจุดที่ควรหลีกเลี่ยงก็คือส่วนของดอกและใบ เพราะเวลาเรารดไปแล้วน้ำจะขังอยู่ที่ดอก หากอากาศไม่ถ่ายเท น้ำที่ขังอยู่ก็จะทำให้ดอกเน่าและสามารถลามไปจนถึงใบได้ แต่การรดน้ำที่ใบก็ยังมีข้อดีอยู่ นั่นก็คือสามารถชำระล้างพวกฝุ่นที่เกาะอยู่ที่ใบได้ แถมยังช่วยให้ใบสังเคราะห์แสงได้ดีขึ้นด้วย 4.ต้นไม้บางชนิดต้องการความแล้งเพราะว่าต้นไม้ต้องการตัวกระตุ้นให้ออกดอก โดยการงดรดน้ำ เพื่อให้ออกดอกดี แถมยังช่วยให้ใบเขียวตลอดปีอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น เฟื่องฟ้า ชวนชม เป็นต้น 5.เพิ่มปุ๋ยทางน้ำการใช้จุลินทรีย์เข้ามาช่วยสร้างการเจริญเติบโตของต้นไม้ นับว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะเราเองก็สามารถทำเองได้ แถมยังปลอดสารพิษ โดยปุ๋ยที่ใช้ผสมกับน้ำได้ก็จะมี ฮอร์โมนนมสด ที่จะทำให้พืชสามารถดูดซึมทางใบ ช่วยบำรุงใบให้เขียวสวย ซึ่งส่วนให้ใช้รดน้ำกับประเภทผัก และไม้ประดับก็ใช้ได้ หรือว่าจะเป็นจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ที่มีประโยชน์ในการเร่งการเจริญเติบโตของพืช โตเร็ว อีกทั้งยังทำให้รากแข็งแรงและหาอาหารได้ดีขึ้น แต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสม การดูแลหลังปลูก1.สำหรับคนที่ปลูกในกระถาง ควรเปลี่ยนกระถางหรือนำต้นไม้ลงดิน เพราะว่าในส่วนของรากในกระถางจะเราแผ่ขยายไปทั่วกระถางและเริ่มแน่น ให้สังเกตบริเวรก้นกระถางหรือบางต้นจะแทงออกมาจากกระทางจนแตกได้เลย โดยการเปลี่ยนดินนั้นควรผสมวัสดุปลูกเข้าไป เพื่อสร้างความโปร่ง ให้รากชอนไชและแผ่ขยายออกไปได้ดี อาจจะผสมกาบมะพร้าวหรือพวกหินภูเขาไฟ ถ่านหรือพวกเศษใบไม้ที่ไม่มีเชื้อราก็สามารถใส่รองก้นกระถางได้ 2.ควรดูแลต้นไม้ด้วยการตัดแต่งกิ่ง เพื่อให้เราควบคุมการขยายของต้นไม้ได้ เพราะส่วนใหญ่ไม่ทรงพุ่มจะมีใบที่โตเร็ว ถ้าหมั่นตัดแต่งก็จะทำให้รูปทรงของต้นไม้สวยงามเข้ากับบ้าน แถมยังเป็นการยืดอายุของต้นไม้ให้อยู่กับเราได้อีกนาน 2.หลังจากต้นไม้ของเราออกดอกหรือผลไปแล้ว จะมีช่วงที่ต้องใส่ปุ๋ยบำรุงและต้นตัดแต่งกิ่ง โดยการใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อเพิ่มการสะสมอาหารและแร่ธาตุของต้นไม้และดิน 3.สำหรับคนที่ปลูกไม้น้ำ ควรเปลี่ยนดินใหม่ เมื่อเกิดเป็นดินเลน หรือในน้ำเริ่มมีสีขุ่น ให้นำดินมาเปลี่ยนหรืออาจจะนำทรายหยาบมาโรยลงไปบนผิวดิน เพื่อให้ทรายซับน้ำจากดินไว้ ข้อควรระวัง1.ไม่ควรนำปุ๋ยคอกที่ไม่ย่อยสลายดี พอมาใส่ต้นไม้ เพราะว่าความร้อนที่อยู่ในก้อนปุ๋ย มีผลต่อระบบรากของต้นไม้ โดยปุ๋ยคอกที่ดีควรมีลักษณะร่วน แห้ง และไม่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง เทคนิคเล็กน้อยๆก่อนที่จะใช้ปุ๋ยคอกคือให้ทำการเปิดถุงปุ๋ยไว้ในร่มก่อนประมาณ 30นาที ถึง 1ชั่วโมง ถ้าจับแล้วไม่มีความร้อนก็สามารถนำไปใช้ได้เลย 2.ไม่ควรนำกิ่งหรือลำต้นที่มีโรค หรือแมลงติดมาด้วย นำไปปลูกหรือนำไปทิ้งใกล้ต้นไม้ เพราะจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคและเเมลงได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่คอยก่อกวนและทำลายต้นไม้ของเราอยู่เสมอ ดังนั้นควรนำไปเผาทำลายหรืออาจใช้สารกำจัดศัตรูพืชมาฉีดทำลาย โดยให้ควรฉีดพ่นในช่วงเช้า ดังนั้นการปลูกต้นไม้ไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่ต้องมีใจรักและมีการดูแลเอาใจใส่ มีความรู้และสามารถนำไปปรับใช้ได้ ก็จะทำให้เราปลูกต้นไม้ได้อย่างมีความสุข เครดิต รูปปกประกอบและรูปทั้งหมด ตกแต่งโดย JJKK89/Canva เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !