9 ทริคใช้คนละครึ่ง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซื้อของลดโลกร้อนได้ เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในชีวิตประจำวันของเราการซื้อของดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ทำจนเคยชิน แต่ในความเป็นจริงนั้นทุกครั้งที่เราหยิบสินค้าใส่ตะกร้า กำลังมีทรัพยากร พลังงาน และสิ่งแวดล้อมจำนวนมากเกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังค่ะ ตั้งแต่แหล่งผลิต การขนส่ง บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงขยะที่ต้องจัดการภายหลัง และเมื่อรวมกับนโยบายสนับสนุนอย่างคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันจึงไม่ใช่แค่เรื่องประหยัดเงิน แต่เป็นโอกาสสำคัญในการกำหนดทิศทางการบริโภคของเราเองนะคะ และถ้าเราลองหยุดคิดให้ลึกขึ้น จะเห็นว่าการใช้สิทธิเหล่านี้สามารถกลายเป็นเครื่องมือเรียนรู้การใช้ทรัพยากรอย่างมีสติได้ โดยไม่ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตให้ซับซ้อน แต่เรียนรู้ว่าเราจะทำยังไงดีให้ภาพรวมของการซื้อ การกิน และการใช้ของในแต่ละวันมีส่วนช่วยลดโลกร้อนได้ ซึ่งคุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่าเมื่อเรามองมุมมองใหม่ เปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างเราก็จะค่อยๆ ปรับตามอย่างเป็นธรรมชาติ และนำไปสู่การลดขยะ ลดพลังงาน และใช้สิทธิที่มีอยู่ให้เกิดคุณค่าสูงสุดได้จริงค่ะ ซึ่งต่อไปนี้คือแนวทางนะคะ 1. เลือกซื้อของจากร้านชุมชนและตลาดท้องถิ่น การเลือกซื้อของจากร้านชุมชนและตลาดท้องถิ่น ไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกหรือราคาที่เข้าถึงได้นะคะ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการลดโลกร้อนที่เข้าใจง่ายและทำได้จริงในชีวิตประจำวัน เพราะสินค้าส่วนใหญ่ผลิตหรือกระจายอยู่ใกล้บ้านเรามากกว่าสินค้าจากห้างขนาดใหญ่ ระยะทางขนส่งที่สั้นลงหมายถึงการใช้น้ำมันน้อยลง การปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ลดลงตามไปด้วย ขณะเดียวกันสินค้าท้องถิ่นมักเป็นของตามฤดูกาล ไม่ต้องเร่งผลิต ไม่ต้องแช่เย็นยาวนาน จึงใช้พลังงานต่ำกว่า เราจึงได้ของที่สด ใหม่ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าอย่างเห็นภาพชัดเจน เมื่อเราใช้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือคนละครึ่งซื้อจากร้านชุมชน เงินจะหมุนกลับสู่คนในพื้นที่ เกิดรายได้ในระบบใกล้บ้าน แทนที่จะไหลออกไปสู่ระบบขนส่งและบรรจุภัณฑ์จำนวนมหาศาล อีกทั้งร้านชุมชนหลายแห่งยังเปิดโอกาสให้ซื้อแบบชั่งแบ่ง ลดการใช้ถุงพลาสติก และยืดหยุ่นต่อการพกภาชนะมาเอง ซึ่งเป็นหัวใจของการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง การเลือกซื้อแบบนี้อาจดูเล็กน้อยในแต่ละวัน แต่เมื่อทำซ้ำๆ จะกลายเป็นพฤติกรรมที่ลดทั้งคาร์บอน ขยะ และความสูญเสียของทรัพยากรได้พร้อมกันอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ 2. เน้นซื้ออาหารตามฤดูกาล การเน้นซื้ออาหารตามฤดูกาลเป็นหนึ่งในวิธีลดโลกร้อนที่เข้าใจง่ายและใช้ได้จริงมากที่สุดค่ะ เพราะอาหารที่ออกผลตามธรรมชาติมักไม่ต้องเร่งปลูก ไม่ต้องควบคุมอุณหภูมิ และไม่ต้องขนส่งเดินทางไกล จึงส่งผลให้ใช้พลังงานน้อยกว่าตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง ผักผลไม้ตามฤดูกาลจึงมีรสชาติและคุณค่าทางอาหารที่เหมาะสมตามธรรมชาติ อีกทั้งยังสดใหม่และราคาไม่สูงเกินจริง การเลือกแบบนี้ช่วยลดภาระทั้งต่อเกษตรกรและระบบสิ่งแวดล้อมโดยไม่ต้องอาศัยเทคโนโลยีซับซ้อน เมื่อเราใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้ออาหารตามฤดูกาลจากตลาดท้องถิ่น เงินจะถูกใช้ไปกับผลผลิตที่มีอยู่จริงในพื้นที่ ไม่ใช่ของที่ต้องขนส่งหรือแปรรูปซับซ้อน นั่นหมายความว่าเรากำลังสนับสนุนระบบอาหารที่ใช้ทรัพยากรอย่างพอเหมาะ ลดการสูญเสียอาหาร และลดขยะจากการคัดทิ้งก่อนถึงมือผู้บริโภค การเลือกซื้อแบบมีสติเช่นนี้ทำให้เราเห็นความเชื่อมโยงระหว่างจานอาหารตรงหน้า กับการลดพลังงาน คาร์บอน และผลกระทบต่อโลกได้ค่ะ 3. เลือกซื้ออาหารแปรรูปน้อย การเลือกซื้ออาหารแปรรูปน้อยเป็นพื้นฐานสำคัญของการลดโลกร้อนที่หลายคนมองข้ามค่ะ เพราะยิ่งกระบวนการแปรรูปซับซ้อนมากเท่าไร ก็ยิ่งใช้พลังงาน น้ำ และทรัพยากรมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งอาหารสดอย่างผักสด ผลไม้ ข้าวสาร ไข่ หรืออาหารพื้นบ้านทั่วไป มักใช้ขั้นตอนการผลิตสั้น ไม่ต้องผ่านโรงงานหลายรอบ ไม่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์หลายชั้น จึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตั้งแต่ต้นทาง อีกทั้งเรายังเห็นวัตถุดิบจริง รับรู้ที่มาได้ชัดเจน และนำไปปรุงต่อได้ตามความต้องการของครัวเรือน เมื่อเราใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเลือกซื้ออาหารแปรรูปน้อยจากร้านค้าและตลาดใกล้บ้าน เงินจะถูกใช้ไปกับอาหารที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันมากกว่าสินค้าสำเร็จรูปที่สร้างขยะจำนวนมาก การเลือกเช่นนี้ยังช่วยลดปริมาณบรรจุภัณฑ์ ทั้งกล่องพลาสติก ซอง ฟิล์ม และโฟม ซึ่งเป็นภาระของระบบจัดการขยะในระยะยาว แม้จะเป็นการปรับพฤติกรรมเล็กๆ แต่เมื่อทำต่อเนื่อง จะช่วยลดการใช้พลังงาน ลดขยะอาหาร และสร้างวิธีบริโภคที่เป็นมิตรต่อโลกได้อย่างชัดเจนค่ะ 4. เลือกสินค้าแบบตักแบ่งหรือชั่งขาย การเลือกสินค้าแบบตักแบ่งหรือชั่งขายเป็นวิธีลดโลกร้อนที่เห็นผลตั้งแต่ขั้นตอนการซื้อ เพราะเราสามารถเลือกปริมาณได้พอดีกับการใช้งานจริง ไม่ต้องซื้อเกินความจำเป็นและไม่ต้องรับบรรจุภัณฑ์ส่วนเกินกลับบ้าน สินค้ากลุ่มนี้มักเป็นของใช้หรืออาหารพื้นฐานค่ะ เช่น ข้าวสาร ธัญพืช เครื่องปรุง ผักสด ซึ่งใช้ถุงหรือภาชนะเพียงชั้นเดียว จึงช่วยลดการใช้พลาสติก ฟิล์ม และซองหลายชั้นที่มักมาพร้อมสินค้าสำเร็จรูป เมื่อใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับร้านที่ขายแบบตักแบ่ง เรากำลังช่วยลดขยะตั้งแต่ต้นทาง และยังลดโอกาสเกิดอาหารเหลือทิ้งจากการซื้อปริมาณมากเกินไป ร้านค้าในชุมชนมักยืดหยุ่นให้ลูกค้าพกภาชนะมาเองหรือใช้ถุงกระดาษ ถุงรีไซเคิล ซึ่งช่วยลดภาระการจัดการขยะของทั้งบ้านและชุมชน การเลือกซื้อแบบนี้อาจดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่เมื่อเกิดขึ้นซ้ำทุกวัน จะค่อยๆ สร้างระบบการบริโภคที่ประหยัดทรัพยากร ลดคาร์บอน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนะคะ 5. ใช้ซื้อของที่ใช้ซ้ำได้นาน การใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อซื้อของที่ใช้ซ้ำได้นาน เป็นวิธีลดโลกร้อนที่คุ้มค่าทั้งต่อเงินในมือและทรัพยากรของโลกค่ะ เพราะของใช้พื้นฐานอย่างไม้กวาด ไม้ถูพื้น ถังน้ำ ภาชนะครัว หรืออุปกรณ์ซ่อมแซมบ้าน เมื่อเลือกแบบแข็งแรง ใช้ได้นาน จะช่วยลดการซื้อซ้ำ ลดการผลิตใหม่ และลดขยะจากของชำรุดที่ต้องทิ้งบ่อยๆ การเลือกแบบนี้จึงช่วยลดการใช้พลังงานตั้งแต่กระบวนการผลิต ขนส่ง และกำจัดของเสียในระยะยาว เมื่อเราเปลี่ยนมุมมองจากของราคาถูกใช้ไม่นาน เป็นของที่คุ้มค่าในระยะยาว เงินจากสวัสดิการจะถูกใช้ไปอย่างมีคุณภาพมากขึ้น ปัจจุบันร้านชุมชนหลายแห่งมีของใช้จำเป็นที่เรียบง่ายแต่ทนทาน ที่ไม่ต้องอาศัยบรรจุภัณฑ์ซับซ้อนหรือเทคโนโลยีเกินจำเป็นแล้ว การเลือกซื้อของใช้ซ้ำได้นานจึงไม่ใช่แค่การประหยัดส่วนตัว แต่เป็นการลดการไหลเวียนของขยะ ลดการใช้ทรัพยากรใหม่ และสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจนนะคะ 6. พกถุงผ้า กล่องข้าว หรือภาชนะไปเองทุกครั้งที่ซื้อของ การพกถุงผ้า กล่องข้าว หรือภาชนะไปเองทุกครั้งที่ออกไปซื้อของ เป็นพฤติกรรมเล็กๆ ที่ช่วยลดโลกร้อนได้ชัดเจนกว่าที่คิดค่ะ เพราะช่วยตัดวงจรถุงพลาสติก กล่องโฟม และบรรจุภัณฑ์ใช้ครั้งเดียวทิ้งตั้งแต่ต้นทาง โดยทุกชิ้นที่เราไม่รับกลับบ้าน คือขยะที่ไม่ถูกผลิต ไม่ต้องขนส่ง และไม่ต้องนำไปกำจัดต่อนะคะ การพกภาชนะส่วนตัวจึงเป็นการลดการใช้พลังงานและทรัพยากรโดยตรง และยังช่วยให้การซื้อของในชีวิตประจำวันเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างเห็นผล เมื่อใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐร่วมกับการพกภาชนะ ร้านค้าในชุมชนมักยินดีให้ความร่วมมือ เพราะช่วยลดต้นทุนถุงและกล่องของร้านเองด้วย พฤติกรรมนี้ยังช่วยให้เราซื้อของอย่างมีสติ เลือกปริมาณพอดี และลดปัญหาอาหารเหลือทิ้งภายหลัง แม้จะเป็นเรื่องง่ายที่ทำซ้ำได้ทุกวัน แต่เมื่อคนจำนวนมากทำพร้อมกัน จะช่วยลดขยะพลาสติกสะสม ลดภาระระบบจัดการขยะ และสร้างวัฒนธรรมการซื้อขายที่รับผิดชอบต่อโลกอย่างเป็นรูปธรรมค่ะ 7. เลือกร้านค้าที่ใช้ถุงกระดาษ ใบตอง หรือบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเลือกร้านค้าที่ใช้ถุงกระดาษ ใบตอง หรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการช่วยลดโลกร้อนตั้งแต่ขั้นตอนการตัดสินใจซื้อค่ะ เพราะบรรจุภัณฑ์คือแหล่งขยะจำนวนมากในระบบอาหารและการค้าปลีก แต่ถุงกระดาษและใบตองสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ใช้เวลากลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมสั้นกว่าพลาสติก และไม่สะสมเป็นไมโครพลาสติกในดิน น้ำ และห่วงโซ่อาหาร การเลือกแบบนี้จึงช่วยลดภาระทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและระบบจัดการขยะของชุมชนอย่างเห็นภาพชัด เมื่อเราใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับร้านที่ใส่ใจเรื่องบรรจุภัณฑ์ เรากำลังส่งสัญญาณให้ระบบตลาดเห็นว่าผู้บริโภคให้คุณค่ากับความยั่งยืน ร้านค้าจะมีแรงจูงใจในการปรับตัว ลดการใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียว และหันมาใช้วัสดุจากธรรมชาติหรือวัสดุหมุนเวียนมากขึ้น พฤติกรรมเล็กๆ นี้เมื่อเกิดซ้ำในทุกวัน จะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องจัดการ ลดการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตบรรจุภัณฑ์ใหม่ และสร้างระบบการค้าขายที่เป็นมิตรต่อโลกได้ 8. ซื้อเท่าที่จำเป็น วางแผนก่อนใช้สิทธิ ลดการซื้อเกินจนเกิดอาหารเหลือทิ้ง การซื้อเท่าที่จำเป็นและวางแผนก่อนใช้สิทธิคนละครึ่งหรือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นหัวใจสำคัญของการลดโลกร้อนที่หลายคนมองข้ามค่ะ เพราะอาหารที่ถูกซื้อเกินแล้วทิ้งไป ไม่ได้สูญเสียแค่เงิน แต่ยังสูญเสียพลังงาน น้ำ แรงงาน และทรัพยากรทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตและขนส่ง นอกจากนี้อาหารเหลือทิ้งยังกลายเป็นขยะที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการย่อยสลายโดยไม่จำเป็น การวางแผนก่อนซื้อจึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นทางอย่างชัดเจน เมื่อเราคิดล่วงหน้าว่าจะซื้ออะไร ปริมาณเท่าไร และใช้ในกี่มื้อ การใช้สิทธิจะตรงจุดมากขึ้น ไม่เกิดของค้างตู้เย็นหรือหมดอายุโดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมนี้ช่วยให้เราเห็นคุณค่าของอาหารทุกชิ้น ลดขยะอาหารในบ้าน และลดภาระระบบจัดการขยะของชุมชน แม้จะเป็นการปรับเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อทำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยสร้างวิธีบริโภคที่มีสติ ใช้ทรัพยากรคุ้มค่า และลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ได้ค่ะ 9. ใช้สิทธิคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นโอกาสเรียนรู้การเลือกซื้ออย่างมีสติ การใช้สิทธิคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ควรมองแค่เป็นการลดค่าใช้จ่ายในแต่ละครั้งค่ะ แต่ให้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการฝึกการเลือกซื้ออย่างมีสติในชีวิตประจำวัน เพราะทุกการตัดสินใจซื้อมีผลต่อทั้งทรัพยากร สิ่งแวดล้อม และระบบอาหารรอบตัวเรา การหยุดคิดก่อนเลือก เช่น ของจำเป็นจริงหรือไม่ แหล่งที่มาอยู่ใกล้หรือไกล ใช้บรรจุภัณฑ์แบบใด จะช่วยให้เราเห็นภาพรวมของผลกระทบที่ซ่อนอยู่หลังสินค้าแต่ละชิ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อเราใช้สิทธิอย่างตั้งใจ ไม่เร่งซื้อเพราะกลัวสิทธิหมด แต่เลือกอย่างพอดีและเหมาะกับการใช้งานจริง ซึ่งพฤติกรรมนี้จะค่อยๆ สร้างนิสัยการบริโภคที่รอบคอบ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และลดขยะตั้งแต่ต้นทาง แม้จะเป็นสิทธิที่รัฐจัดให้เพื่อช่วยเรื่องเศรษฐกิจ แต่หากเรานำมาใช้เป็นเครื่องมือเรียนรู้ ก็สามารถต่อยอดไปสู่การลดโลกร้อน ลดอาหารเหลือทิ้ง และสร้างวิถีชีวิตที่รับผิดชอบต่อโลกได้ค่ะทุกคน จบแล้วค่ะ พอจะมองเห็นภาพกันบ้างแล้วนะคะ จะเห็นได้ว่าการใช้สิทธิคนละครึ่งและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐสามารถเป็นมากกว่านโยบายช่วยค่าใช้จ่าย หากเรามองในมุมของระบบการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เพราะสิทธิที่ได้รับคือจุดฝึกเลือก ที่ทำให้เราเห็นความเชื่อมโยงระหว่างการซื้อกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง ไปจนถึงขยะปลายทาง เพราะทุกการตัดสินใจแม้จะเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่ส่งผลต่อภาพรวมของคาร์บอน ขยะ และพลังงานที่ถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็นค่ะ หากเราเข้าใจภาพนี้ได้ การซื้อจะไม่ใช่แค่การใช้เงิน แต่คือการกำหนดทิศทางการบริโภคของเราเองนะคะ โดยเมื่อเราวางแผนก่อนซื้อ เลือกสิ่งที่จำเป็น เลือกแหล่งที่เหมาะสม และคุมปริมาณให้พอดี การใช้สิทธิก็จะเปลี่ยนจากการซื้อแบบเร่งรีบ เป็นการซื้ออย่างมีสติค่ะ และพฤติกรรมนี้ยังช่วยลดการสะสมของของใช้และอาหารที่ไม่ได้ถูกใช้จริง ลดภาระขยะในบ้าน และลดความสูญเสียทรัพยากรที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ที่สำคัญคือทำให้คุณค่าของอาหารและสิ่งของชัดขึ้นในสายตาเรา ซึ่งในภาพใหญ่ของประเด็นนี้ การเลือกใช้สิทธิอย่างตั้งใจจะค่อยๆ สร้างระบบพฤติกรรมใหม่ที่ยั่งยืนขึ้น ทั้งต่อครัวเรือน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ถึงแม้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในแต่ละวันก็ตาม แต่เมื่อทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ก็มีส่วนช่วยลดขยะ ลดคาร์บอน และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าได้จริง และนี่คือการนำสิทธิที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งต่อชีวิตประจำวันและต่อโลกใบเดียวที่เราทุกคนใช้ร่วมกันค่ะ สำหรับผู้เขียนนั้นส่วนมากใช้ซื้อของส่วนตัวก่อนค่ะ เช่น แชมพู สบู่ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน โดยมักเลือกขนาดที่พอดีต้องใช้เพื่อลดการหมดอายุ และเลือกแบรนด์ที่ใช้บรรจุภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิล ไม่ทดสอบผลิตภัณฑ์ในสัตว์ และเลือกแบบที่มีบรรจุภัณฑ์น้อย โดยบรรจุภัณฑ์ต้องนำไปรีไซเคิลได้ด้วย เพราะที่นี่ผู้เขียนสะสมขยะรีไซเคิลไว้ขายค่ะ สำหรับการเลือกซื้ออาหาร ส่วนมากเลือกที่ปลูกได้ เก็บได้ในท้องถิ่น ไข่ไก่จากฟาร์มของคนในชุมชน อะไรประมาณนี้ค่ะ และทุกครั้งที่ไปผู้เขียนมีถุงผ้าพกไปด้วยอยู่แล้วนะคะ ซึ่งก่อนหน้านี้มีใบขนาดเล็ก แต่ตอนนี้มีใบใหญ่ขึ้นแล้วเพราะได้มาฟรีจากโลตัสค่ะ ก็เลยง่ายขึ้นมากตอนไปช้อปปิ้งซื้อของด้วยสิทธิต่างๆ ของทางรัฐบาลนะคะ ก็ลองนำไปปรับใช้กันค่ะทุกคน และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #คนละครึ่ง #บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม #ลดโลกร้อน #ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก ถ่ายภาพโดย viarami จาก Pixabay และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา ถ่ายภาพโดยผู้เขียน เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 14 อาหารสำรองที่ควรมีติดบ้าน ในช่วงภัยพิบัติ เตรียมอะไรบ้าง ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีลักษณะเป็นแบบไหน 9 ไอเดียเลือกสินค้าท้องถิ่น ฤดูกาลท่องเที่ยวไทย แบบไหนลดขยะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !