ช่วงหลัง ๆ มานี้ผมเจอคำว่า “code” ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะในวงการเทคโนโลยี ธุรกิจ หรือแม้แต่ในวงการคอนเทนต์และการตลาด หลายคนเริ่มพูดถึงการเรียนโค้ดเหมือนพูดถึงภาษาอังกฤษในยุคก่อน คือไม่ได้ต้องเก่งแบบระดับโปรแกรมเมอร์ แค่ “อ่านออกเขียนได้” ก็ถือว่าเพิ่มแต้มต่อให้กับชีวิตและอาชีพไปเยอะแล้ว เอาจริง ๆ ผมเองก็ไม่ได้จบสายคอม หรือเคยฝันว่าอยากเขียนแอป แต่เพราะทำงานด้านครีเอทีฟสายดิจิทัล เลี่ยงไม่ได้เลยที่จะต้อง “แอบเรียน code” แบบสมัครเล่นอยู่บ้าง ทั้ง HTML, CSS หรือแม้แต่ JavaScript งู ๆ ปลา ๆ ก็เถอะนะ แต่ที่ผมอยากแชร์วันนี้คือ มุมมองของคนที่ไม่ได้อยากเป็นโปรแกรมเมอร์แต่ใช้ code เป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพตัวเอง 1. Code ไม่ใช่แค่ภาษาโปรแกรม แต่เป็นเครื่องมือแก้ปัญหา หลายคนกลัวคำว่า “เขียนโค้ด” เพราะภาพที่ติดหัวคือบรรทัดยาว ๆ ตัวอักษรแน่น ๆ ที่ดูเหมือนจะมีแต่คนอัจฉริยะเท่านั้นที่เข้าใจ แต่จริง ๆ แล้ว code คือเครื่องมือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามตรรกะที่เราออกแบบไว้ จะเรียกว่าภาษาแห่งความมีเหตุผลก็ยังได้ ตอนที่ผมเริ่มทำเว็บไซต์ของตัวเองเพื่อขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมเคยใช้ WordPress แบบไม่แตะ code เลย แต่พอเริ่มอยากปรับนู่นนิดนี่หน่อย แค่รู้ CSS นิด ๆ ก็ช่วยให้เว็บดูดีขึ้นแบบไม่ต้องจ้างใครเลย ตอนนั้นผมรู้เลยว่า "เออ แค่ code นิดเดียว มันก็มีพลังเยอะเหมือนกันนะ" 2. ครีเอเตอร์ยุคใหม่ ถ้ารู้โค้ด = ได้เปรียบ ผมมีเพื่อนคนนึงทำคอนเทนต์ TikTok และรีวิวสินค้าตามเทรนด์ต่าง ๆ เค้ารู้จัก HTML พื้นฐาน พอถึงเวลาทำ landing page สำหรับสินค้าของตัวเอง เค้าไม่ต้องรอให้ทีมเทคนิคว่าง เค้าจัดการเองได้หมด ดูโปร และเร็วกว่าใคร ผมเลยมองว่า ไม่ว่าจะสายครีเอทีฟ คอนเทนต์ หรือสายมาร์เก็ตติ้ง ถ้ามี code ติดตัวเหมือนพกเครื่องมือเพิ่มอีกชิ้น มันช่วยให้เราตัดสินใจได้เร็ว ทำอะไรได้ไว และเข้าใจโลกดิจิทัลลึกขึ้นแบบคนวงใน 3. เริ่มจาก code ง่าย ๆ ไม่ต้องไปถึงขั้นเขียน AI คนส่วนใหญ่มักนึกว่า code ต้องเริ่มจาก Python หรือ JavaScript แต่จริง ๆ แล้วผมแนะนำให้เริ่มจาก HTML กับ CSS ก่อน เพราะมันเห็นผลไว ปรับตรงไหนเปลี่ยนตรงนั้น เหมือนวาดภาพแต่ใช้ code แทนพู่กัน ช่วงที่ผมลองเขียน code เล่น ๆ ผมใช้เว็บไซต์อย่าง CodePen หรือ Replit มาช่วยทดลอง ซึ่งมันฟรี และเปิด browser ก็ใช้ได้เลย เหมาะกับมือใหม่ที่ยังไม่อยากลง IDE หนัก ๆ 4. Code ยังเชื่อมโยงกับความเข้าใจ "ระบบ" ของโลกดิจิทัล อย่างนึงที่ผมรู้สึกว่าคนที่เรียนโค้ดจะได้มากกว่าทักษะคือ “ความเข้าใจเชิงระบบ” เช่น เวลาเรารู้ว่าเว็บโหลดช้าเพราะอะไร เราจะไม่บ่นมั่ว ๆ แต่เข้าใจว่า บางทีมันมาจาก JavaScript ที่โหลดหนัก หรือไม่ก็ภาพยังไม่ Optimize สิ่งเหล่านี้พอรู้ code เราจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนกว่าเดิม 5. ความรู้โค้ดทำให้เรา "พูดภาษาเดียวกับนักพัฒนา" ผมเคยทำโปรเจกต์กับทีม Dev แล้วพอผมพอรู้ code นิดหน่อย แค่พูดว่า “ให้ wrap div ตัวนี้ แล้วใส่ class ว่า .active ได้ไหมครับ” มันทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นเยอะ ไม่ต้องตีความเยอะ ไม่ต้องอธิบายเป็นชั่วโมง สำหรับผม “code” คือภาษาที่คนยุคนี้ควรเรียนรู้ไว้ ไม่ต้องถึงขั้นสร้างระบบ AI หรือแอปพลิเคชันซับซ้อน แค่เข้าใจพื้นฐานพอให้คุยกับนักพัฒนา หรือปรับงานของตัวเองได้เร็วขึ้นก็ถือว่ามีคุณค่าแล้ว และยิ่งเรามีทักษะด้านอื่นอยู่แล้ว เช่น ครีเอทีฟ การตลาด หรือการเล่าเรื่อง การที่เรารู้ code เพิ่มขึ้น ก็เหมือนติดอาวุธเพิ่มอีกชั้น ใครที่เคยรู้สึกว่าตัวเอง "ไม่ใช่สายเทคนิค" ผมอยากบอกว่า ไม่เป็นไรเลย แค่เปิดใจ ลองค่อย ๆ ศึกษา แล้วจะรู้ว่า code ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และบางที มันอาจเป็นของเล่นชิ้นใหม่ที่คุณติดใจแบบผมก็ได้ – ประสบการณ์ตรงจากการทำงานด้าน Creative Content & Website – เว็บไซต์เรียนฟรีสำหรับมือใหม่: freecodecamp.org, codepen.io, replit.com – คำแนะนำจากนักพัฒนาในชุมชน Reddit และ Dev.to รูปภาพปก 1 มาจาก pixabay เจ้าของภาพ StockSnap :|: รูปภาพปกที่ 1 รูปภาพปก 1 มาจาก pixabay เจ้าของภาพ Innovalabs :|: รูปภาพปกที่ 2 รูปภาพประกอบ 1 มาจาก StockSnap :|: รูปภาพประกอบที่ 1 รูปภาพประกอบ 2 มาจาก Innovalabs :|: รูปภาพประกอบที่ 2 รูปภาพประกอบ 3 มาจาก hitesh0141 :|: รูปภาพประกอบที่ 3 รูปภาพประกอบ 4 มาจาก StockSnap :|: รูปภาพประกอบที่ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !