ศรีสุวรรณจี้อธิบดีกรมสรรพากรสอบบัญชีเงินรับบริจาค "ฌอน" ใช้แอบอ้างเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือไม่
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า หลังจากสังคมออนไลน์ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก กรณีนักสร้างแรงบันดาลใจชื่อดัง ‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ แสดงการรับเงินบริจาคกว่า 8 แสนบาท แต่ปรากฎว่ามีการนำไปใช้บริจาคช่วยโควิด-19 ไม่ช่วยไฟป่าตามวัตถุประสงค์ขอรับเงินบริจาค และนำเงินไปผลิตสื่อเพื่อประโยชน์ส่วนตนกว่า 2.5 แสนบาท อีกทั้งยังไม่มีการเปิดเผยยอดบัญชีรายรับเงินบริจาคนั้น
“ มีการตั้งข้อสังเกตของประชาชนทั่วไปว่าเอกสารหลักฐานที่ฌอนนำออกมาชี้แจงนั้น ส่วนใหญ่เน้นที่การจัดทำสื่อสร้างภาพลักษณ์ให้ตนเอง และการซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อนำไปช่วยโควิด-19 โดยช่วยโรงพยาบาลต่างๆหลายจังหวัด ไปจนถึง อ.แว้ง จ.นราธิวาส ไม่ได้เป็นการนำเงินบริจาคไปเพื่อวัตถุประสงค์ของการช่วยดับไฟป่าที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นการเฉพาะตามที่แจ้งในเพจส่วนตัวตอนขอรับบริจาคแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการรับบริจาค อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า รายการค่าใช้จ่ายตามหลักฐานใบเสร็จที่นำมาแสดง ปรากฏว่าบางบิลเป็นชื่อบริษัท ด๊อท ลีดเดอร์ส จำกัด ซึ่งอาจจะเป็นการนำไปแอบอ้างการเคลมภาษีเพื่อขอยกเว้นภาษีหรือลดประจำปีของบริษัทดังกล่าว ซึ่งหากทำเช่นนั้นจริงจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 ประกอบ พรบ.ประมวลรัษฎากร 2481 ทั้งนี้ผู้ที่จะต้องตรวจสอบการใช้จ่ายเงินบริจาคดังกล่าว ว่ามีการรับ-การจ่ายเงินเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการรับบริจาคทุกบาท ทุกสตางค์หรือไม่ คือ กรมสรรพากร จะสามารถชี้ให้เห็นว่าเงินบริจาคทั้งหมดมีแค่ 8 แสนกว่าบาทจริงหรือมีมากกว่านั้น มีการนำเงินบริจาคไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและหรือใช้ในนามบริษัท ด๊อท ลีดเดอร์ส จำกัด แล้วนำมาแอบอ้างเป็นการบริจาคส่วนตัวหรือบริจาคโดยบริษัท ไม่ได้กล่าวถึงการรับบริจาคมาหรือไม่ อย่างไร
“ สมาคมฯได้ทำคำร้องเป็นหนังสือส่งถึงอธิบดีกรมสรรพากร เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมาย ในการตรวจสอบการยื่นแบบรายได้ประจำปีของ ‘ฌอน บูรณะหิรัญ’ และบริษัท ด๊อท ลีดเดอร์ส จำกัด ว่ามีการแสดงแบบรายได้-รายจ่ายเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง หรือมีการแอบอ้างการใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวที่ไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการรับบริจาคดังกล่าวหรือไม่” นายศรีสุวรรณ กล่าว