สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ค่อนข้างรุนแรงและลุกลามอย่างต่อเนื่อง หลายๆ คนโดนผลกระทบในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสุขภาพ ในเรื่องของปากท้อง และอีกจิปาถะ เราต่างก็รู้ว่าศึกในครั้งนี้ใหญ่หลวงแค่ไหน เพราะคู่ต่อสู้ของเราเต็มไปด้วยแสนยานุภาพอันร้ายแรง และที่ร้ายกาจไปกว่านั้น คือ "เรามองมันไม่เห็น" เราต่างก็ต้องสู้รบกับสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา แต่เจ็บปวดได้ทั้งตัว และทั้งใจ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการชกลม โดนหรือไม่โดนก็ไม่รู้ แพ้หรือชนะก็ยังหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ ถามว่าเจ็บไหม?...เจ็บ อยากจบไหม?...อยาก แล้วใคร? จะต้องเป็นคนทำให้มันจบ จะได้เลิกเจ็บกันสักที สำหรับคำถามนี้ เราทุกคนต่างก็รู้คำตอบกันอยู่แก่ใจ ว่าใครจะแก้ปัญหานี้ได้ ถ้าไม่ใช่สองมือกับหนึ่งใจของทุกคน เรารู้ว่าทุกอย่างมันจะจบง่ายขึ้น และเร็วขึ้นถ้าเราช่วยกัน เราทุกคนต่างมีหน้าที่พื้นฐานที่ทางการขอความร่วมมือให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการสวมใส่หน้ากากอนามัย การกินร้อน การใช้ช้อนกลาง การล้างมือ การเว้นระยะห่าง การงดเว้นการเดินทางหรือการทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค (ถ้าไม่จำเป็น) ถึงแม้ว่าเราจะไม่คุ้นเคย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นแสนเข็ญแม้แต่น้อยที่จะทำ เรารอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาล รอมาตราการในการเยียวยา รอทิศทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจ มันไม่มีอะไรผิดที่จะรอ เพราะรัฐบาลกับประชาชนยังไงก็ต้องเดินคู่กัน เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวโยงกันในทุกอณู และเราจำเป็นที่จะต้องรู้ทิศทางเพื่อที่จะปรับตัว และปฏิบัติตาม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ แต่...มันมีอะไรมากกว่านั้นที่เราสามารถทำได้บ้าง นอกเหนือจากการรอ วันนี้เราได้ทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่แล้วหรือยัง เวลาที่เราก้าวเท้าเดินออกจากบ้านทุกครั้ง เราตระหนักหรือไม่ว่าเราสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่หรือเปล่า ทุกครั้งที่เรามีโอกาส เรายังปาร์ตี้สังสรรค์กันอย่างสนุกสนานจนลืมสถานการณ์กันหรือยัง เมื่อเรารู้ว่าเราไปในพื้นที่เสี่ยง เรามีความสัตย์ซื่อที่จะแจ้งไทม์ไลน์ให้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบได้ทราบ เพื่อที่จะได้วางมาตราการรองรับ และมีวินัยพอที่จะกักตัวเองอยู่ใช่มั้ย เมื่อไหร่ที่เราขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า โดยสารลิฟท์สาธารณะ หรือไปในที่สาธารณะ แล้วยังไม่เก็บปากเก็บคำ ยังพูดคุยส่งน้ำลายกันอย่างไม่ลดละกันในระยะใกล้ๆ ทั้งๆ ที่เรารู้อยู่แก่ใจว่าระยะห่างคือความจำเป็นสำหรับโรคนี้กันบ้างมั้ย และนี่คือตัวย่างของคำถามเพียงไม่กี่คำ ที่เราต้องถามและตอบตัวเองให้ได้ ว่าเราได้ทำในส่วนของเราอย่างเต็มที่เท่าที่เราจะสามารถทำได้แล้วหรือยัง โดยที่ไม่ต้องรอให้ใครบอก ไม่ต้องรอให้ใครเตือน ไม่ต้องรอให้ใครขอความร่วมมือซ้ำแล้วซ้ำอีก และไม่ต้องรอให้ใครสั่งล็อคดาวน์ เมื่อไหร่ที่เราทำได้ เราก็ล็อคดาวน์ตัวเอง เมื่อไหร่ที่เราทำได้ เราก็เก็บปากเก็บคำ เก็บอวัยวะตัวเองกันไปก่อนในช่วงนี้ ลด เว้นการพูดจาในระยะใกล้หรือยามไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ลด เว้นการสัมผัส ทำ...เท่าที่จำเป็น ที่สำคัญ คือ เราควรระลึกไว้เสมอว่า ณ ตอนนี้ ลมหายใจเรา น้ำลายเรา ไม่มีใครอยากดอม และไม่มีใครอยากดม เก็บได้เก็บ ปิดได้ปิด มันมีวิธีการ และมันมีอุปกรณ์ ส่วนอะไรที่จำเป็นจะต้องทำ ก็ให้ทำ อะไรไม่จำเป็นก็ละเว้นไปก่อน ที่ไหนที่จำเป็นต้องไป ก็ไป ที่ไหนไม่จำเป็นก็งดเว้นได้มั้ย เชื่อว่าทุกคนก็พร้อมที่จะเข้าใจซึ่งกันละกัน เพราะเราต่างก็อยู่ในถานการณ์คับขันถ้วนทั่วกันทุกคน จะกระทบมากกระทบน้อย ก็ไม่มีใครที่โดนละเว้นแม้แต่คนเดียว และอะไรที่ให้ความร่วมมือได้ ก็ให้ทำ ส่วนอะไรที่สุดมือ สุดทาง ให้วางใจในผู้เชี่ยวชาญ และพร้อมให้ความร่วมมือเสมอ อยากจบเร็วต้องมีวินัย อยากเจ็บน้อย ก็ต้องมีจิตสำนึก ไม่มีใครมีหน้าที่โยนความรับผิดชอบให้ใคร...และทุกคนต้องจำไว้ ว่าเรามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบตัวเอง เพราะตอนนี้โลกเรากำลังเจอกับวิกฤติ และเราต้องผ่านมันไปด้วยกัน และสิ่งเหล่านั้นต้องอาศัยความร่วมมือ ขอบคุณภาพปก : pixabay ภาพที่ 1 : pixabay ภาพที่ 2 : pixabay ภาพที่ 3 : pixabay ภาพที่ 4 : pixabay ภาพที่ 5 : pixabay