"อินโนเทค" ออกกองหุ้นไทยยั่งยืน เสนอขาย 7 – 17 กรกฎาคมนี้
“อินโนเทค” ออกกองหุ้นไทยยั่งยืน เสนอขาย 7 – 17 กรกฎาคมนี้
นายสุรเชษฐ์ ศรีวัฒนกุลวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อินโนเทค จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 7-17 กรกฎาคมนี้ เตรียมเปิดเสนอขาย กองทุนเปิดอินโนเทคหุ้นไทยยั่งยืน ซิสเทมาติก โดยกองทุนจะลงทุนในหุ้นไทยซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เฉลี่ยรอบปีบัญชีกองทุนไม่น้อยกว่า 80% โดยเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และธรรมาภิบาลที่ดี (Governance) หรือที่เรียกรวมกันว่าอีเอสจี (ESG) และใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการการลงทุนอย่างเป็นระบบ (Systematic Investment Approach) เพื่อคัดเลือกหุ้นที่คุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไข Risk Premia ซึ่งได้ผ่านการพิสูจน์และได้รับการยอมรับในระดับสากลแล้วว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในด้านการบริหารจัดการกองทุน
“จุดเด่นสำคัญอีกประการหนึ่งของกองทุนนี้ คือ บลจ.อินโนเทค ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ Arabesque Asset Management บลจ.ชั้นนำจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้นำด้านการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก (Global equities) ด้วยหลัก ESG และการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยได้แต่งตั้ง Arabesque Asset Management เป็นที่ปรึกษาการลงทุนของกองทุน (Portfolio Investment Advisor) อย่างเป็นทางการ เพื่อนำความเชี่ยวชาญใน Big data, ESG, Risk Premia และ AI พร้อมกระบวนการลงทุนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมาเพื่อใช้บริหารจัดการกองทุนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมด้านความร่วมมือแบบใหม่ โดย บลจ.ในประเทศไทยร่วมดำเนินการกับ บลจ.จากต่างประเทศ”นายสุรเชษฐ์กล่าว
นายสุรเชษฐ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทีมจัดการลงทุน บลจ. อินโนเทค ได้ทำการทดสอบพอร์ตการลงทุนจำลอง พบว่าให้ผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ ทั้งในการทดสอบในอดีต (Back testing) และการทดสอบในอนาคต (Forward testing) โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีย้อนหลัง 10 ปี ระหว่างปี 2552 – 2562 เท่ากับ 18.57% ดีกว่าผลตอบแทนของดัชนีตลาดหุ้นไทยรวมเงินปันผล (SET TRI) ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ที่ 13.99% อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนดังกล่าวไม่ใช่ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจริง และผลตอบแทนในอดีตไม่ใช่สิ่งยืนยันผลตอบแทนในอนาคต นอกจากนี้ กองทุนเปิดอินโนเทค หุ้นไทยยั่งยืน ซิสเทมาติก มีประเภทหน่วยลงทุน ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนให้ตอบโจทย์การลงทุนที่แตกต่างกัน ได้ถึง 6 ประเภท อาทิ ชนิดผู้ลงทุนบุคคลทั่วไป ชนิดผู้ลงทุนสถาบันและรายใหญ่ และชนิด SSF สำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนและได้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษี ทั้งแบบจ่ายเงินปันผล และไม่จ่ายเงินปันผล (สะสมมูลค่า) และบลจ. จะแบ่งรายได้ค่าธรรมเนียมการจัดการส่วนหนึ่งในอัตรา 0.10% ของ NAV เพื่อนำไปสนับสนุนโครงการด้าน ESG
“แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวมาพอสมควรแล้ว แต่ด้วยการที่ธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลกออกมาอัดฉีดเงินจำนวนมหาศาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้สภาพคล่องในระบบการเงินมีอยู่สูงมาก วัดได้จากปริมาณเงิน (Money Supply) ที่เพิ่มขึ้นในทุกประเทศทั่วโลก รวมถึงการที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ได้ปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงไปมากแล้ว ขณะที่หลายประเทศมีแนวโน้มการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ได้ดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะประเทศไทย ทำให้มีโอกาสสูงที่ในช่วงถัดไป นักวิเคราะห์จะทยอยปรับประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนขึ้น ทำให้ บลจ.อินโนเทค ยังมองว่าหุ้นไทยในระยะยาวยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้”นายสุรเชษฐ์กล่าว