สวัสดีครับ ผม ส.อ.อัศวนนท์ กุลฉวะ แอดมินเพจ Facebook ชื่อเพจประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยา วันนี้ก็จะมานำเสนอเรื่องราวของพระที่นั่งมังคลาภิเษกในเขตพระราชฐานของพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยามานำเสนอครับ ซึ่งบทความดังกล่าวจะใช้อ้างอิงจากหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาและบันทึกคำให้การเสียเป็นส่วนใหญ่ ขอยืนยัน ณ ตรงนี้ว่าไม่ได้คัดลอกเว็บใดๆมาลงซ้ำแน่นอนครับ จะใช้ภาษาในหลักฐาน + ความคิดเห็นและข้อสันนิษฐานตัวเองลงไปบางส่วนเท่านั้นพระที่นั่งมังคลาภิเษกแห่งพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยานั้น ปรากฎชื่อทั้งในกฎหมายตราสามดวง พระราชพงศาวดาร และบันทึกประเภทคำให้การชาวกรุงเก่า และคำให้การขุนหลวงหาวัด สันนิษฐานได้ว่า พระที่นั่งดังกล่าวนี้มีมาตั้งแต่ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา สันนิษฐานว่าเป็นพระที่นั่งที่มี ๒ หลัง(ชื่อซ้ำกัน) โดยองค์แรกสร้างช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา ตำแหน่งที่ตั้งน่าจะไม่ไกลจากวัดพระศรีสรรเพชญ์ไปมากเท่าไหร่นัก ส่วนพระที่นั่งมังคลาภิเษกหลังที่ ๒ นั้น สันนิษฐานว่าสร้างในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ด้วยปรากฎในคำให้การขุนหลวงหาวัดว่า สมเด็จพระเอกาทศรฐ ให้ซ่อมพระที่นั่งมังคลาภิเษก ๒ องค์ ซึ่งได้สร้างไว้แต่ครั้งพระมหาจักรวรรดิ ขึ้นใหม่จากข้อความในคำให้การจะเห็นได้ว่า สมเด็จพระเอกาทศรถให้ซ่อมพระที่นั่งมังคลาภิเษก ๒ องค์ ซึ่งแสดงว่ามี พระที่นั่งชื่อซ้ำกันอยู่ ๒ หลัง และในข้อความในคำให้การชาวกรุงเก่ายัง บอกไว้อีกว่า พระที่นั่งหลังดังกล่าวนี้ สร้างไว้ในรัชกาลสมเด็จพระมหาจักรวรรดิ(พระมหาจักรพรรดิ) นั้นเอง ลักษณะ พระที่นั่งมังคลาภิเษก ที่กล่าวไว้ในหนังสือคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรมว่า พระที่นั่งมังคลาภิเศกมหาปราสาท องค์ ๑ นี้เดิมมียอดปรางค์ห้ายอด นอกจากนี้ในพระราชพงศาวดาร ยังระบุว่า ในรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเคยใช้รับราชทูตเชียงใหม่ และ ทูตเมืองละแวกอีกด้วย (เรียบเรียงขึ้นใหม่ จากเจ้าของบทความ) (ภาพประกอบโคลงพระราชพงศาวดาร เพลิงไหม้พระมหาปราสาท)เกิดเพลิงไหม้ พระที่นั่งมังคลาภิเษกในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ได้ปรากฎในพระราชพงศาวดารว่าเกิดฟ้าผ่าพระที่นั่งมังคลาภิเษกเดิมและลามไหม้ไปทั้งหลัง เสียหายอย่างหนักพระองค์จึงโปรดเกล้าให้รื้อปราสาทเก่าลง แล้วทรงโปรดเกล้าให้ก่อปราสาทหลังใหม่ขึ้นแทน พระราชทานนามใหม่ว่าพระที่นั่งวิหารสมเด็จ (ภาพจำลองพระที่นั่งวิหารสมเด็จ จากหนังสือพระที่นั่งวิหารสมเด็จ)ลักษณะทางกายภาพของพระที่นั่งวิหารสมเด็จ พระที่นั่งวิหารสมเด็จมหาปราสาทมียอดปรางค์ห้ายอดหลังคามุงดีบุกยอดหุ้มดีบุกปิดทองเป็นปราสาทสำคัญในพระนคร เป็นที่บุษยาภิเษกพระมหากษัตริย์แต่ก่อนมา มีมุขโถงยาวออกมาจากองค์ที่มุขโถงนั้นมียอดมณฑปต่างหากจากองค์ปราสาทใหญ่ ในมุขโถงนั้นมีพระแท่นมณฑปตามแว่นฟ้าเป็นพระที่นั่งตั้งในมุขโถง ต่อหน้าพระที่นั่งวิหารสมเด็จมหาปราสาทออกมามีทิมดาบคดซ้ายซวา มีกำแพงแก้วสูงสองศอกล้อมรอบพระมหาปราสาท ซึ่งชานชาลาพระมหาปราสาทนั้นปูศิลาอ่อน มีเสาโคมทำด้วยศิลาจีนตั้งอยู่ ๘ ทิศ มีสิงหสิลาแลรูปปั้นทหารจีนตั้งเรียงรายไปตามชานชาลาพระมหาปราสาท (อ้างอิงจากพรรณนาภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา) (สถาพพระที่นั่งวิหารสมเด็จในปัจจุบัน ภาพโดยเจ้าของบทความ)การบูรณะพระที่นั่งวิหารสมเด็จในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าฟ้าธรรมาธิเบศรฯ ซึ่งเป็น สมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล(วังหน้า เจ้าฟ้ากุ้ง) เป็นแม่กองในการบูรณะ วัดพระศรีสรรเพชญ์ และ พระที่นั่งวิหารสมเด็จ พระที่นั่งหลังนี้ ก็คงจะปิดทองตั้งแต่ครั้งบูรณะใหญ่ครั้งนี้เอง นอกจากนี้แล้ว ในปลายรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระที่นั่งวิหารสมเด็จนี้ ยังใช้รับคณะทูตลังกา และ สมเด็จพระวิสุทธาจารย์ เมื่อคราวที่กลับจากเมืองลังกานั้นอีกด้วย หลังเสียกรุงพระที่นั่งหลังนี้ก็ถูกข้าศึกเผาทำลาย และมีการมารื้ออิฐของทางราชการตั้งแต่ครั้งธนบุรี รัตนโกสินทร์ พระที่นั่งต่างๆในพระราชวังกรุงศรีอยุธยาจึงเหลือแต่ส่วนฐานอย่างที่เห็นในปัจจุบันภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาหลังเสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ พระที่นั่งได้รับความเสียหายจากสงครามอย่างหนัก ประจวบกับเมื่อช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการมารื้ออิฐกรุงเก่า ไปก่อเมืองใหม่ ซึ่งทำให้พระที่นั่งเหลือแต่ส่วนฐาน อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ปัจจุบันพระที่นั่งวิหารสมเด็จ อยู่ในกำกับดูแลของสำนักอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยการกำกับดูแลของกรมศิลปากร สำนัก ๓ การเดินทางจาก กทม. - พระนครศรีอยุธยา- มีทั้งรถโดยสารประจำทาง- รถตู้จากหมอชิต - อยุธยา- รถไฟแหล่งข้อมูลอ้างอิง- หนังสือคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม- หนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า- หนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ(เจิม)- หนังสือกฎหมายตราสามดวง- หนังสือจดหมายเหตุระวางทูตลังกาและสยามครั้งกรุงศรีอยุธยา