เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,675-1,690 จุด หลังจากตอบรับกับผลการประชุมและถ้อยแถลงของประธาน FED ไปแล้ว ขณะที่กลุ่มพลังงานคาดว่ายังถ่วงตลาดต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่ยังพักตัวลง ขณะที่หุ้น Tech และ Growth แม้ยังได้ Sentiment บวกจากการปรับตัวขึ้นแรงของ NASDAQ โดยคืนนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญที่ต้องติดตามคือการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือน ม.ค. 23 โดยตลาดคาดชะลอเหลือ 1.85 แสนตำแหน่ง ชะลอจากเดือนก่อนที่ 2.23 แสนตำแหน่ง ส่วนค่าจ้างแรงงานคาด +0.3% m-m, +4.3% y-y ชะลอตัวลงเช่นกัน
โดยรวมเรายังมองกลุ่ม Anti-Commodity และ Consumption Play จะยังขยับตัวได้ดีกว่าตลาดในระยะนี้ รวมถึงหุ้นที่คาดว่าจะประกาศกำไร 4Q22 แข็งแกร่ง ซึ่งจะประกาศหนาแน่นขึ้นใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงติดตามพัฒนาการทางการเมืองโดยเฉพาะประเด็นโอกาสยุบสภา หากมีจังหวะอ่อนตัวของดัชนียังมองเป็นโอกาสทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22 แข็งแรง
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือนก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE
หุ้นเด่นวันนี้ : MTC
• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 42.76 บาท
• ตลาดคาดกำไร 4Q22 ราว 1.25 พันลบ. +3% q-q, +13% y-y ยังฟื้นตัวอย่างช้าๆเนื่องจากยังถูกกดดันจากการตั้งสำรองที่ยังสูงจากทิศทาง NPL ที่ปรับขึ้น อย่างไรก็ตามฝั่งรายได้คาดยังเติบโตที่ดี +6% q-q, +18% y-y สะท้อนความต้องการสินเชื่อที่ยังสูง
• ตลาดคาดกำไรปี 2022 +5% y-y และจะเร่งขึ้นในปี 2023 +12% y-y โดยการเติบโตคาดว่าจะเร่งขึ้นใน 2H23 เป็นหลักจากสำรองที่คาดว่าจะทยอยลดลงหลังผ่านช่วงที่ตั้งสำรองสูงใน 2H22-1H23 และจะเริ่มเห็นผลบวกต่อกำไรจากรายได้ที่โตดีในช่วงที่ผ่านมา
• แนวรับ 38-37.50 บาท แนวต้าน 41.50//44 บาท
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสแกว่งตัวในกรอบ ตลาดสหรัฐฯ ยังเป็นเรื่องการรายงานกำไร ขณะที่ไทยไร้ปัจจัยใหม่ช่วยหนุน ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังอิงอยู่กับการรายงานผลประกอบการในช่วงนี้ ขณะนโยบายการเงินของ Fed ที่ออกมามีแนวโน้มว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะไม่ได้รุนแรงเหมือนก่อน
จีนข้ามผ่านเรื่องการเปิดประเทศมาแล้ว จากนี้ติดตามดูการฟื้นความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ กับจีนที่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ จะเดินทางเยือนจีนในวันที่ 5-6 ก.พ. นี้ อีกทั้งสหรัฐฯ อาจจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าจีนบางรายการ
ราคาน้ำมันถึงแม้จะยืนเหนือ $80 เหรียญได้อยู่ แต่ยังต้องจับตาการประชุมของสหรัฐภาพยุโรปวันนี้ ที่จะพิจารณาการกำหนด Price cap. ราคาน้ำมันรัสเซีย โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ซึ่งอาจจะมีผลต่อราคาน้ำมัน
ยูเครน-รัสเซีย ใกล้ครบรอบ 1 ปี ของการเกิดสงคราม ขณะที่รัสเซียพยายามเพิ่มกองกำลัง เพื่อที่อาจจะมีการโจมตียูเครนอีกครั้ง เรามองตัวแปรนี้อาจจะยังคงต้องติดตามหากความระอุกลับมา
บอร์ด EV เข็นมาตรการช่วยผู้ผลิตแบตฯ ในประเทศ สูงสุด 600 บาท/กิโลวัตต์ เรามองว่ายังดีต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิต EV (EA, NEX, BYD, GPSC)
การเมืองไทย การประชุมสภาฯ ล่มเพื่อบีบให้รัฐบาลยุบสภา อย่างไรก็ตามเรายังมองว่าโอกาสยุบสภาเกิดขึ้นได้หลัง 14 มี.ค. เป็นต้นไป
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐฯ เดือน ม.ค.
Strategy
• ตลาดเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ดูได้จากรอบการเล่นหุ้นแต่ละตัวที่นานขึ้น แต่จะทำกำไรได้ ควรเข้าซื้อหุ้นที่ตลาดเล่นกันด้วย อย่างไรก็ตาม ระดับ 1690 จุด ถ้าผ่านได้ จึงจะเรียกว่าหลุดพ้นจากการปรับฐาน
• หุ้นที่มีการเข้าซื้ออย่างมีนัยยะช่วง 2 วันที่มา คือ กลุ่มการเงิน นิคมฯ อีเล็คทรอนิคส์ คาดวันนี้ จะยังมีแรงส่งให้ไปต่อได้
• หุ้น size เล็ก-กลาง ราคาลงมาลึก TIDLOR, THANI
• พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ BH, SPALI ออก และเพิ่ม CRC เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CRC(15%), KTC(15%), GLOBAL(15%), PLUS*(15%), NEX(15%), WHA(10%)
Strategy Stock Pick
CRC: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท) “รายได้ฟื้นทุกกลุ่ม, แฟชั่นโตเด่น หนุน SSSG”
•ประเมินรายได้ปี 2022-2023 โต +19%YoY, +7%YoY สำหรับปี 2023 สินค้ากลุ่มแฟชั่นยังเติบโตเด่น ติดตามการเปิดสาขาใหม่และการเพิ่มร้านแนว Premium อาทิ TopsCLUB
•ลุ้นการปรับประมาณการของนักวิเคราะห์หลังจบงบ 1Q23E นักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติ ฟื้นตัวดีกว่าที่ตลาดเคยประเมิน
•DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2023-2024 ที่ 5.76 พัน ลบ. และ 8.4 พัน ลบ. +9601%YoY, +46%YoY ตามลำดับ
Technical : SVI, 24CS
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,675 – 1,680 แนวต้าน 1,690 คาดนักลงทุนอาจชะลอการลงทุนในช่วงปลายสัปดาห์ และรอรายงานกำไร บจ. แนะนำซื้อเก็งกำไร BAFS,AAV,BA(+จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น)/BAM, CHAYO, RS (+ติดตามหนี้เสียในช่วง NPL ปรับขึ้น)
RS* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.80 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 จะเห็นการฟื้นตัว YoY ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยธุรกิจ Event จะกลับมาจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมทางการตลาด ได้มากขึ้น ธุรกิจขายสินค้าจัดตั้ง Pet All จับมือกับ Partner เพื่อลงทุนในธุรกิจ Pet Retail ส่งเสริมให้ Ecosystem ของธุรกิจสัตว์เลี้ยงขยายตัวกว้างขึ้น ส่วนปี 66 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ 5.5 พันล้านบาท มาจากธุรกิจ Commerce 3,100 ล้านบาท ส่วน Media & Entertainment จะมีรายได้ที่ 2,400 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้า GPM อยู่ที่ 48-50% และ NPM ที่ 11-13% และเตรียม Spin-off CHASE เข้าตลาดใน 1Q66
AMATA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 24.00 บาท) ประเมินภาพการดำเนินงานในปี65 และปี66 จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากการกลับมาเจรจากับลูกค้าต่างชาติได้อีกครั้งหลังการระบาดของ Covid-19 รวมไปถึงการการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในไทย โดย เบื้องต้น AMATA* ตั้งเป้ายอดขายที่ดินในปี 66 ไว้ที่ 1,100 ไร่(เติบโตราว +10% จากเป้าปี65 ที่ 1,000 ไร่) ซึ่งคาดยอดขายปี 66 จะมาจากเวียดนาม 400-500 ไร่ ซึ่งมีที่ดินพร้อมขายแล้ว และ ยอดขายที่ดินมี่ชลบุรีไม่ต่ำกว่า 200 ไร่ รวมถึงระยอง 500 ไร่ ทั้งนี้ตลาดคาดว่าในปี65 และ66 กำไรปกติ(ปี65 มีกำไรพิเศษราว 580 ลบ.)ของ AMATA* จะอยู่ที่ระดับ 1,606 ลบ. (+53%YoY) และ 1,706 ลบ.(+6%YoY) ตามลำดับ