คุณเคยสงสัยไหม? ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ใครหลายๆคนรวมไปถึงตัวคุณเองไม่สามารถทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สักที ในบางครั้งคุณอาจจะตั้งเป้าหมายที่อยากเริ่มต้นออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดี แต่ในบางทีคุณก็รู้สึกว่าการนอนดูซีรีย์กินขนมหรือดูทีวี เป็นอะไรที่คุณทำแล้วรู้สึกสบายใจกว่าทั้งๆที่ก็รู้ตัวว่านี่คือเวลาที่ต้องไปออกกำลังกายแล้ว แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกไป ซึ่งในหลายกรณีสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่ได้เกิดมาจากความ"ขี้เกียจ"ของเราหรอก แต่อาจจะมาจากหลายๆสาเหตุที่เราอาจจะยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้วเหตุผลหลักๆที่ทำให้เราไปไม่ถึงเป้าหมายนั้นคืออะไรกันแน่ ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้เราจึงได้นำข้อสรุปจากหลายๆสาเหตุโดยส่วนตัวและจากการศึกษาจากแหล่งศึกษาต่างๆมาให้คุณผู้อ่านได้ลองดูว่าเรากำลังประสบพบเจอกับสาเหตุเหล่านี้อยู่รึเปล่า เป้าหมายไม่ชัดเจนมากพอ การตั้งเป้าหมายถือเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการพัฒนาตนเอง การตั้งเป้าหมายเปรียบเสมือนการสร้างเส้นชัยหรือเป็นการสร้างภาพที่ชัดเจนมากขึ้นให้กับการพัฒนาตนเอง และเป็นการไกด์ไลน์แนวทางในการใช้ชีวิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยที่ตัวเราเป็นคนกำหนดสิ่งนั้น หากเราตั้งเป้าหมายที่ไม่ชัดเจนมากพอ เช่น อยากเรียนภาษาอังกฤษ แต่เราไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าเรียนไปทำไม จะเรียนเพื่อทำงาน หรือใช้เพื่อการสอบเข้ามหาลัย หากเราไม่ตั้งเป้าหมายที่แน่ชัดเอาไว้แน่นอนว่าแผนล่มตั้งแต่ยังไม่เริ่มแน่นอน แต่หากเรารู้ว่าเราเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร จะช่วยให้เราสามารถวางแผนการเรียนและทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดว่าควรปรับแก้ในส่วนไหนและควรเริ่มต้นอย่างไร ไม่รู้ถึงผลลัพธ์ของเป้าหมาย การตั้งเป้ามหายทั้งที่ไม่รู้ว่าในตอนสุดท้ายผลลัพธ์ของเป้าหมายคืออะไรไม่ต่างกับการเดินทางโดยที่ไม่รู้จุดหมาย เป้าหมายและผลลัพธ์เป็นสิ่งที่ต้องมีคู่กัน การจะตั้งเป้าหมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีคือการตั้งเป้าหมายโดยที่รู้ว่าผลลัพธ์คืออะไร เสมือนเป็นการสร้างภาพในอนาคตให้ชัดเจนมากขึ้นว่าหากเราทำตามเป้าหมายได้สำเร็จผลที่ตามมาจะมีผลดีต่อตัวเราอย่างไร ยกตัวอย่างจากหัวข้อที่แล้วในเรื่องของการเรียนภาษาอังกฤษ เรารู้แค่ว่าการเรียนภาษาอังกฤษมันมีข้อดีหลายอย่างแต่ในบางกรณีเราอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า"แล้วดีหลายอย่างที่ว่านั่นมันดีอย่างไรล่ะ" "ถ้าฉันพูดภาษาอังกฤษได้แล้วมันจะช่วยฉันได้อย่างไร" ในกรณีนี้เราต้องมาขยายชุดความคิดให้กว้างออกโดยอาศัยการมองภาพในอนาคตและจินตนาการ หากเราเรียนภาษาอังกฤษได้จนอยู่ในระดับที่สามารถพูดคุยกับต่างชาติได้เข้าใจ หรือรวมไปถึงสามารถสอบวัดผลในระดับชาติได้ในระดับที่ยอดเยี่ยม นอกจากความสะดวกสบายในการสื่อสารแล้วสิ่งนี้ยังจะช่วยเปิดโอกาสในการทำงาน การศึกษา จนรวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันด้วย นี่แหละคือตัวอย่างที่จะช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ของเป้าหมายได้ง่ายขึ้น มีสิ่งที่ต้องทำมากมายจนไม่สามารถโฟกัสกับเป้าหมายได้ ใน 1 วัน มนุษย์เรามีกิจกรรมที่ต้องทำอยู่มากมาย จนในบางครั้งเราอาจจะละเลยหรือหลงลืมในเป้าหมายที่วางแผนไว้ ไม่แปลกเลยที่ในหลายๆครั้งเราอาจจะลืมออกกำลังกาย ลืมอ่านหนังสือ หรือทำสิ่งต่างๆที่เราตั้งเป้าเอาไว้ว่า"ต้องทำ" ซึ่งแน่นอนว่าในปัจจุบันการทำงานหรือการเรียนอย่างต่ำก็ 6 ชั่วโมงขึ้นไปแล้วไหนบางคนอาจจะมีกิจกรรมอื่นๆที่ต้องทำอีกจึงทำให้เป็นสาเหตุที่ทำให้บางคนต้องทุ่มเวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนหรือการทำงานโดยที่บางทีพวกเขาก็อาจจะไม่ได้ชอบมันนัก แต่เชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถจัดการกับปัญหาพวกนี้ได้ด้วย การลด หรือ กำจัด กิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่ได้มีความสำคัญมากออกไปก่อน อย่างน้อยก็เพื่อลดการโฟกัสในจุดที่ไม่สำคัญและลดการทำกิจกรรมที่ไม่จำเป็นเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตามเป้าหมายให้มากขึ้น โดยในช่วงแรกเราอาจต้องมีการวางแผนหรือทำตารางกิจกรรมในแต่ละอาทิตย์เพื่อเพิ่มความคุ้นชินให้กับตัวเองเสียก่อน มองเป้าหมายในแง่ลบ การมองเป้าหมายในแง่ลบเปรียบเสมือนการกลัวในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น ความคิดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ใครหลายๆคนถอดใจกับการทำตามเป้าหมายเพราะกลัวว่าในอนาคตอาจจะต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คุ้นชิน กลัวการพบเจอสิ่งใหม่ๆการปรับตัวจนถึงขั้นล้มเลิกไปในที่สุด ความคิดลบต่างๆเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อคุณกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงไปสู่เป้าหมายซึ่งสิ่งนี้จะบั่นทอนทำให้ชีวิตใครหลายๆคนไม่ก้าวไปข้างหน้าสักทีเพราะไม่สามารถเอาชนะความคิดลบเหล่านี้ได้ แต่คุณจะชนะความคิดเหล่านี้ได้แน่หากคุณมีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีกว่าตัวตนของเมื่อวาน เน้นย้ำว่าให้คิดถึงผลดีของการไปถึงเป้าหมายเข้าไว้ถึงแม้จะไปไม่ถึงก็ไม่เป็นไรแต่ชีวิตที่ดีกว่ารอคุณอยู่ กลัวการเปลี่ยนแปลง ์ นี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ใครหลายๆคนไปไม่ถึงเป้าหมายสักที ความกลัวในการที่ต้องออกจากคอมฟอร์ทโซนที่ตัวเองสร้างไว้ คอมฟอร์ทโซนคือสิ่งที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยแต่มันจะไม่ช่วยให้คุณเติบโตแน่นอนถ้าหากคุณไม่ขยายมันให้ใหญ่ขึ้น ความกลัวการเปลี่ยนแปลงเปรียบเสมือนการขังตัวเองไว้ในกรอบที่คิดว่าปลอดภัยตลอดเวลาโดยที่ไม่รู้เลยว่าในกรอบที่จมอยู่นั้นไม่สามารถช่วยให้เราอยู่อย่างปลอดภัยได้เสมอไป การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างถือเป็นก้าวแรกของการท้าทายตัวเองเพื่อขยายพื้นที่ปลอดภัยและสร้างโลกที่ใหญ่ขึ้นให้กับตัวเอง Note : สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นตั้งเป้าหมายเพื่อทำอะไรสักอย่างอยู่ หรือกำลังเริ่มทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ไม่รู้จะไปถึงหรือเปล่า สำหรับผู้เขียนผู้เขียนมองว่า ทุกเป้าหมายมีการเปลี่ยนแปลง ทุกการเปลี่ยนแปลงมีราคาที่ต้องจ่าย และราคาที่จ่ายนั้นต้องจ่ายเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เป้าหมายที่ตั้งไว้ คุณอาจจะกำลังสับสนว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องไหม หรืออาจจะกำลังเริ่มสับสนว่าสิ่งเหล่านี้คุ้มค่าหรือไม่ หรืออาจจะกำลังหาคำตอบกับสิ่งที่กำลังทำเพื่อเป้าหมายอยู่ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้คำตอบเหล่านั้นได้ดีนอกจากตัวคุณเอง และตัวคุณในอนาคตจะเป็นคำตอบของคำถามที่คุณสงสัยในวันนี้ credit All picture form : freepik โดย denamorado เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !