Trip.com ถูกสอบข้อมูลผู้ใช้รั่วไหลเสี่ยงกฎหมายข่าวกรองจีน

รัฐสภาเกาหลีใต้เปิดการตรวจสอบกรณีพิเศษต่อบริษัท Trip.com แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์รายใหญ่ที่มีฐานปฏิบัติการหลักในนครเซี่ยงไฮ้ของจีน ภายใต้ข้อกล่าวหาว่าบริษัทอาจมีความเสี่ยงในการถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้ชาวเกาหลีไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน อันเป็นผลสืบเนื่องจากกฎหมายข่าวกรองแห่งชาติของจีน (National Intelligence Law) ซึ่งกำหนดให้องค์กรและพลเมืองจีนทุกคนต้องให้ความร่วมมือกับภารกิจด้านข่าวกรองของรัฐ

การตรวจสอบเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการนโยบายแห่งชาติของรัฐสภา นาย คิม แจซอบ สมาชิกพรรคพลังประชาชน (People Power Party) ได้ตั้งคำถามต่อบริษัท Trip.com ว่า ข้อกำหนดการใช้งานของบริษัทระบุชัดว่ามีสิทธิ์แบ่งปันข้อมูลผู้ใช้กับบริษัทในเครือ ซึ่งอาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนเกาหลีใต้ไปยังหน่วยงานจีน พร้อมเรียกร้องให้บริษัทแก้ไขข้อกำหนดดังกล่าวทันที

ฮง จงมิน หัวหน้าสำนักงาน Trip.com ประเทศเกาหลี ซึ่งเข้าร่วมให้ปากคำในฐานะพยาน ตอบว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจได้ในระดับประเทศ และจะรายงานไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อพิจารณาอีกครั้ง 

แม้ Trip.com จะจดทะเบียนในสิงคโปร์ แต่บริษัทแม่มีสำนักงานใหญ่ในจีนและมีบริษัทย่อยหลายแห่ง รวมถึงแพลตฟอร์มค้นหาตั๋วเครื่องบินระดับโลกอย่าง Skyscanner ทั้งนี้ ข้อกำหนดการใช้งานของ Trip.com ระบุว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น ชื่อ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล วันเกิด หมายเลขหนังสือเดินทาง ที่อยู่ และบัญชีแชตอย่าง KakaoTalk อาจถูกส่งออกไปต่างประเทศเพื่อการให้บริการ หากผู้ใช้ไม่ยินยอม ระบบจะแจ้งว่าการใช้งานบางส่วนจะถูกจำกัด

นอกจากนี้ ประเด็นความปลอดภัยของข้อมูลยังเป็นหัวข้อสำคัญในการอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง Gmarket ของเครือชินเซกาย กับ AliExpress ของจีน โดยคณะกรรมาธิการการค้าเป็นธรรม (Fair Trade Commission) ได้กำหนดเงื่อนไขให้ทั้งสองฝ่ายต้องแยกเก็บข้อมูลผู้บริโภคชาวเกาหลีออกจากกันทางเทคนิค เพื่อป้องกันการรั่วไหล

ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงไซเบอร์ของเกาหลีเตือนว่า กฎหมายข่าวกรองของจีนสามารถถูกใช้เป็นฐานทางกฎหมายให้รัฐบาลจีนเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้ในประเทศอื่นได้ หากข้อมูลดังกล่าวถูกเก็บหรือประมวลผลบนแพลตฟอร์มที่มีความเชื่อมโยงกับจีน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้เร่งตรวจสอบเส้นทางการส่งออกข้อมูลของแพลตฟอร์มจีนในประเทศ และจัดทำมาตรการรับมืออย่างเป็นระบบ