รีเซต

รวบแล้ว 7 ผู้ต้องหาใช้ปืนจี้อุ้มหนุ่ม 16 ทำร้ายปางตาย-ยิงเพื่อนร่วมแก๊งเจ็บสาหัส

รวบแล้ว 7 ผู้ต้องหาใช้ปืนจี้อุ้มหนุ่ม 16 ทำร้ายปางตาย-ยิงเพื่อนร่วมแก๊งเจ็บสาหัส
มติชน
20 กันยายน 2565 ( 10:09 )
76

กรณีจนท.ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ออกหมายจับนายกิตติพร บัวน้อย อายุ 39 ปี ตามหมายจับที่ 506/ 2565 ศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 17 ก.ย.65 เนื่องจากใช้อาวุธปืนยิงนายสุรชัย แก๊งเดียวกันซึ่งขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่รพ.ชลประทานปากเกร็ด อาการสาหัส ต้องรออาการดีขึ้นถึงจะนำตัวมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และน้อง ฟลุค วัย 16 ปีที่ถูกอุ้มตัวไปทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ทราบว่าขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายออกจากห้องไอซียูมาพักฟื้นในห้องผู้ป่วยธรรมดา แต่จนท.ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำได้ ต้องรอให้อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนนั้น

 

ช่วงเช้าเมื่อวันที่ 19 กันยายน พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธร ภาค 1 เดินทางมาที่ สภ.ปากเกร็ด พร้อมทั้งประชุมความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น

 

 

พล.ต.ต.พีระพงษ์เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภาค 1 ร่วมด้วยตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และสืบสวน สภ.ปากเกร็ดได้บุกเข้าไปค้นบ้านของนายกิตติพร ที่ตำบลโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบเพียงรถฟอร์จูนเนอร์สีดำ ทะเบียน 5 กผ-7689 กรุงเทพมหานคร ของนายกิตติพร ที่ใช้ก่อเหตุ มีเพียงภรรยาของนายกิตติพร อยู่ในบ้าน รวมทั้งน้องสาวและน้องชายภรรยา ขณะที่นายกิตติพร ไหวตัวทันหลบหนีไป เจ้าหน้าที่พบเครื่องกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง จึงยึดไว้ตรวจสอบว่าจะเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนที่ใช้ยิงนายสุรชัยหรือไม่ โดยหลังก่อเหตุยิงเพื่อนในทีมจนบาดเจ็บสาหัสและอุ้มน้องฟลุคขึ้นรถไปทำร้ายปางตาย นายกิตติพรได้นำรถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้ที่บ้าน ซึ่งรายละเอียดของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งรัดติดตามตัวแก๊งคนร้ายกลุ่มนี้ซึ่งมีทั้งหมด 9 คนและได้ออกหมายจับในเบื้องต้นแล้ว 7 คน รวมทั้งนายกิตติพรมือยิงนายสุรชัย

 

 

ส่วนสาเหตุมาจากธุรกิจสีเทาที่น้องฟลุค รับจ้างเปิดบัญชีม้า แล้วเบี้ยวเงินที่โอนเข้ามากว่า 300,000 บาทจนเป็นเหตุให้ถูกอุ้มไปทำร้ายจนปางตาย เลยมาก่อเหตุอุ้มนายฟลุคไปทำร้ายอย่างอุกอาจและยิงพวกเดียวกันบาดเจ็บสาหัส

 

ล่าสุด เมื่อช่วงเย็นวันที่ 19 กันยายน ที่ สภ.ปากเกร็ด พล.ต.ต.พีระพงษ์ วงศ์สมาน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการศูนย์สืบสวนสอบสวน ภาค 1 พร้อมชุดสืบสวนภูธรจังหวัดนนทบุรี และสภ.ปากเกร็ดได้ทำการจับกุมตัว 5 คนร้าย ที่ก่อเหตุโดยจับกุมตามหมายจับได้ที่บ้านหลังหนึ่งในกรุงเทพฯ

 

พล.ต.ต.พีระพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีนี้เราออกหมายจับไปแล้ว 7 คน จาก 9 คน อีก 2 คนรอขอหมายจับและไปตามเจอ 4 คนนี้อยู่ด้วยกัน ส่วนอีกรายเป็นหญิงเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มาด้วยกัน กำลังขอหมายจับอยู่แต่พบตัวก่อนเลยนำตัวมาด้วย ขณะที่อีก 4 คน เราแสดงหมายจับและนำตัวมาเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การภาคเสธ ว่าเป็นคนที่อยู่ในภาพวงจรปิดจริง แต่ไม่รู้เรื่องด้วยว่าเขาไปทำอะไรกัน เขาให้ไปช่วยยกของ ไม่รู้ว่าไปทำผิดกฎหมายหรือทวงหนี้อะไร ก็เป็นสิทธิของเขาที่จะให้การ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่รวบรวมหลักฐาน

 

ส่วนประเด็นที่เขาตัดสินใจไปทำอะไรมีหน้าที่ทำอะไร ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ แต่เขาให้การสอดคล้องกัน รอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอีกที ส่วนคนยิงในภาพวงจรปิดยังหลบหนีอยู่ มีประสานมาว่าจะมอบตัวแต่ยังไม่จริงจัง เรื่องปลายังไม่ผิดกฎหมาย แต่ถ้านำเข้ามาเพื่อฟอกเงินต้องพิสูจน์ทราบต่อไป

 

ส่วนตัวน้องฟลุคต้องดูว่าไปทำอะไร ก็คือการพนันออนไลน์ บัญชีม้าส่วนใหญ่เจ้าตัวจะไม่รู้ บางคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ เช่น การซื้อมือถือ และข้อมูลหายไป แต่ก็จะถูกดำเนินคดีเช่นกัน แต่กรณีนี้บัญชีม้ารู้ จึงเกิดคดีนี้ขึ้นมา มีการไปทวงถามกัน แต่รายละเอียดเรายังสอบปากคำไม่ได้ เพราะตอนนี้ผู้เสียหายยังให้การไม่ได้ ยอดสุดท้ายที่ผ่านบัญชี 300,000 กว่าบาท ต้องดูย้อนหลังตามเอกสารซึ่งอยู่ในสเตทเมนท์ธนาคาร โกหกกันไม่ได้ มีรายละเอียดอยู่แล้ว สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ที่ถูกนำตัวมาสอบสวนหลังถูกจับกุมตัวตามหมายจับ ประกอบไปด้วย

1.น.ส.อนุสรณ์ ฤทธิ์ณรงค์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ หมายจับที่ 511/2565 ลงวันที่ 18 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของ ผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมี อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย”

2.นายเศรษฐา จิรพลานุรักษ์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ หมายจับที่ 510/2565 ลงวันที่ 18 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมี อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย”

3.นายอนุรักษ์ เดชะ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ หมายจับที่ 509/2565 ลงวันที่ 18 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมี อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย”

4.นายอิทธิพล ฤทธิ์ณรงค์ ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ หมายจับที่ 508/2565 ลงวันที่ 18 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมี อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย”

5.น.ส.บาจรีย์ เดชบุญ ขณะแสดงหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คนพบน.ส.บาจรีย์ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมี อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือ จิตใจของผู้อื่นนั้น, ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี แต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยผู้เยาว์นั้นไม่เต็มใจไปด้วย” และอยู่ระหว่างขอหมายศาล ขณะจับกุมตัวทั้ง 4 คน พบน.ส.บาจรีย์ ซึ่งมีชื่อรวมอยู่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้ง 9 คน จึงได้ควบคุมตัวมาทั้ง 5 คน ประกอบไปด้วย 1.นายอนุสรณ์ 2.นายเศรษฐา 3. นายอนุรักษ์ 4.นายอิทธิพล และ 5.น.ส.บาจรีย์ รวมทั้งคนที่ 6.นายสุรชัย คนเจ็บที่ถูกพวกเดียวกันยิงได้รับบาดเจ็บนอนสาหัสอยู่ใน รพ.ชลประทานฯ

และในเวลาต่อมาได้มีนายอิทธิมนต์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาคนที่ 7 ได้เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเบื้องต้นทั้งหมดปฎิเสธข้อกล่าวหา ทำให้คดีนี้เหลือผู้ต้องหาอีก 2 คน คือ 1.นายกิตติพร บัวน้อย ผู้ต้องหาตามหมายจับ เลขที่ 506/65 มือปืนที่ยิงเพื่อนร่วมทีม กับ 2.นายไพศาล มานะปักกวี อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับที่ 507/65 ทั้งสองคนยังหลบหนีอยู่ คาดว่าน่าจะได้ตัวใน 1-2 วันนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง