ขั้นตอนที่ 1: เข้าสู่เว็บไซต์ หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Wise บนคอมพิวเตอร์: เปิดเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ (เช่น Google Chrome, Safari, Firefox, Microsoft Edge) พิมพ์ wise.com ลงในแถบที่อยู่ (address bar) แล้วกด Enter คุณจะเข้าสู่หน้าแรกของเว็บไซต์ Wise บนสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต: สำหรับ iOS (iPhone/iPad): เข้าไปที่ App Store สำหรับ Android: เข้าไปที่ Google Play Store ค้นหาคำว่า "Wise" ในช่องค้นหา เข้าเว็บไซต์: ไปที่ https://wise.com/ มองหาแอปพลิเคชันที่มีโลโก้ Wise (เป็นรูปตัว W สีเขียว) และชื่อ "Wise: Send money & spend" กดปุ่ม "ติดตั้ง" (Install) หรือ "รับ" (Get) เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันลงบนอุปกรณ์ของคุณ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้ว ให้เปิดแอปพลิเคชัน Wise ขึ้นมา ขั้นตอนที่ 2: เริ่มต้นการลงทะเบียน (Sign Up) ไม่ว่าคุณจะใช้งานผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ขั้นตอนนี้จะคล้ายกัน: มองหาปุ่ม "ลงทะเบียน" (Register) หรือ "สร้างบัญชี" (Create account) ซึ่งมักจะอยู่มุมบนขวาของหน้าจอ หรือเป็นปุ่มที่เด่นชัดตรงกลางหน้าแรก คลิกที่ปุ่มนั้นเพื่อเริ่มต้นกระบวนการ ขั้นตอนที่ 3: เลือกวิธีการลงทะเบียน Wise มีตัวเลือกให้คุณลงทะเบียนได้หลายวิธีเพื่อความสะดวก: ลงทะเบียนด้วยอีเมล (Sign up with email): นี่เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุด ระบบจะขอให้คุณป้อน ที่อยู่อีเมล ที่คุณใช้งานเป็นประจำ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอีเมลถูกต้อง เพื่อที่คุณจะได้รับข้อมูลสำคัญจาก Wise ในอนาคต ลงทะเบียนด้วยบัญชี Google (Sign up with Google): หากคุณมีบัญชี Google (Gmail) อยู่แล้ว คุณสามารถเลือกวิธีนี้เพื่อเชื่อมต่อกับบัญชี Google ของคุณได้โดยตรง ระบบจะนำคุณไปที่หน้าล็อกอินของ Google เพื่อให้คุณยืนยันตัวตน หลังจากยืนยัน คุณจะกลับมาที่ Wise โดยที่ข้อมูลอีเมลของคุณจะถูกดึงมาจาก Google ลงทะเบียนด้วยบัญชี Facebook (Sign up with Facebook): คล้ายกับการใช้บัญชี Google คุณสามารถเชื่อมต่อกับบัญชี Facebook ของคุณได้ ระบบจะนำคุณไปที่หน้าล็อกอินของ Facebook เพื่อขออนุญาตเชื่อมต่อ ข้อมูลอีเมลที่ใช้กับ Facebook จะถูกนำมาใช้ในการลงทะเบียน Wise ลงทะเบียนด้วย Apple ID (Sign up with Apple): สำหรับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ Apple (iPhone, iPad, Mac) คุณสามารถใช้ Apple ID ของคุณเพื่อลงทะเบียนได้ ระบบจะขอให้คุณยืนยันตัวตนด้วย Apple ID คำแนะนำ: หากคุณไม่แน่ใจว่าจะใช้วิธีไหน แนะนำให้ใช้วิธี "ลงทะเบียนด้วยอีเมล" จะมีความยืดหยุ่นและเป็นมาตรฐานที่สุด ขั้นตอนที่ 4: สร้างรหัสผ่าน (Create your password) หลังจากเลือกวิธีการลงทะเบียนแล้ว ระบบจะให้คุณ ตั้งรหัสผ่าน (Password) สำหรับบัญชี Wise ของคุณ คำแนะนำในการตั้งรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง: ควรมีความยาวอย่างน้อย 8 ตัวอักษร ควรประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ (A-Z) ควรประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก (a-z) ควรประกอบด้วยตัวเลข (0-9) ควรประกอบด้วยสัญลักษณ์พิเศษ (!@#$%^&*) หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่าย เช่น วันเกิด ชื่อเล่น จดจำรหัสผ่านของคุณไว้ หรือใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน (Password Manager) ขั้นตอนที่ 5: เลือกประเภทบัญชี (Choose account type) Wise จะถามว่าคุณต้องการเปิดบัญชีแบบไหน: บัญชีส่วนบุคคล (Personal account): สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการโอนเงินส่วนตัว, รับเงิน, หรือใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน นี่คือตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่ใช้ มักจะไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน บัญชีธุรกิจ (Business account): สำหรับธุรกิจที่ต้องการโอนเงินเพื่อการค้า, ชำระเงินซัพพลายเออร์, รับเงินจากลูกค้าต่างประเทศ หรือจัดการการเงินของธุรกิจ อาจมีค่าธรรมเนียมสำหรับการเปิดบัญชีธุรกิจ หรือบริการบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ต้องมีข้อมูลธุรกิจเพิ่มเติม เช่น ชื่อบริษัท, หมายเลขทะเบียนนิติบุคคล เลือก "บัญชีส่วนบุคคล" หากคุณต้องการใช้งานทั่วไป ขั้นตอนที่ 6: ระบุประเทศที่พำนัก (Your country of residence) ระบบจะขอให้คุณเลือก ประเทศที่คุณอาศัยอยู่ ในปัจจุบัน เลือกประเทศไทย (Thailand) หากคุณอาศัยอยู่ในประเทศไทย ขั้นตอนที่ 7: ใส่ข้อมูลส่วนตัว (Tell us about yourself) ขั้นตอนนี้ Wise จะขอข้อมูลส่วนตัวของคุณ เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนในขั้นตอนต่อไป: ชื่อจริง (First name): ชื่อของคุณ (ตามบัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง) นามสกุล (Last name): นามสกุลของคุณ (ตามบัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง) วัน/เดือน/ปีเกิด (Date of birth): ใส่วันเกิดของคุณ (ตามบัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง) ที่อยู่ปัจจุบัน (Current address): ที่อยู่ของคุณ (อาจเป็นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน หรือที่อยู่ปัจจุบันที่ใช้รับเอกสาร) สำคัญ: ข้อมูลที่คุณป้อนในขั้นตอนนี้ ต้องตรงกับข้อมูลในเอกสารยืนยันตัวตน ที่คุณจะใช้ในขั้นตอนต่อไป มิฉะนั้นอาจทำให้การยืนยันตัวตนล่าช้าหรือถูกปฏิเสธ ขั้นตอนที่ 8: ยืนยันหมายเลขโทรศัพท์ (2-Step Verification - 2FA) เพื่อความปลอดภัยของบัญชี Wise จะขอให้คุณตั้งค่าการยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (Two-Factor Authentication - 2FA) ผ่านหมายเลขโทรศัพท์: ป้อน หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ของคุณ (โดยปกติจะใช้หมายเลขที่ขึ้นต้นด้วย 08x, 09x) Wise จะส่ง รหัสยืนยัน (Verification code) เป็นตัวเลข 6 หลัก (หรือจำนวนหลักอื่นๆ) ไปยังหมายเลขโทรศัพท์นั้นผ่านทาง SMS นำรหัสที่ได้รับมา ป้อนลงในช่องว่าง ที่ปรากฏบนหน้าจอ Wise ขั้นตอนนี้จะช่วยให้บัญชีของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น แม้จะมีใครรู้รหัสผ่านของคุณ แต่ถ้าไม่มีมือถือของคุณ ก็จะไม่สามารถเข้าถึงบัญชีได้ ขั้นตอนที่ 9: การยืนยันตัวตน (Verification Process) นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการเปิดใช้งานบัญชี Wise ของคุณอย่างสมบูรณ์ Wise จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ "รู้จักลูกค้าของคุณ" (Know Your Customer - KYC) และ "ป้องกันการฟอกเงิน" (Anti-Money Laundering - AML) ของแต่ละประเทศ ประเภทของเอกสารที่ Wise อาจขอ: หลักฐานยืนยันตัวตน (Proof of Identity): หนังสือเดินทาง (Passport): เป็นเอกสารที่ Wise ยอมรับมากที่สุดและมักจะยืนยันได้รวดเร็วที่สุด คุณจะต้องถ่ายรูปหน้าที่มีรูปถ่ายและข้อมูลส่วนตัวของคุณให้ชัดเจน บัตรประจำตัวประชาชน (National ID Card): คุณจะต้องถ่ายรูปด้านหน้าและด้านหลังของบัตรประชาชนให้ชัดเจน (ในบางประเทศ/กรณี Wise อาจขอเพียงด้านหน้า หรือขอทั้งสองด้าน) ใบขับขี่ที่มีรูปถ่าย (Photo Driving License): ถ่ายรูปด้านหน้าและด้านหลังของใบขับขี่ หลักฐานยืนยันที่อยู่ (Proof of Address): บิลค่าสาธารณูปโภค (Utility Bill): เช่น บิลค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่าแก๊ส, บิลค่าอินเทอร์เน็ตบ้าน, หรือบิลค่าโทรศัพท์บ้าน (ไม่ใช่บิลโทรศัพท์มือถือ) โดยบิลต้องออกให้ในนามของคุณและแสดงที่อยู่เดียวกับที่คุณลงทะเบียนไว้ และมีอายุไม่เกิน 3 เดือน รายการเดินบัญชีธนาคาร (Bank Statement): อาจเป็นเอกสารฉบับจริงที่ส่งมาทางไปรษณีย์ หรือเป็นไฟล์ PDF ที่ดาวน์โหลดจากธนาคารออนไลน์ได้ โดยต้องแสดงชื่อของคุณ, ที่อยู่, และมีอายุไม่เกิน 3 เดือน (ปกติต้องมีตราประทับของธนาคารในกรณีที่เป็นกระดาษ) รายการบัตรเครดิต (Credit Card Statement): คล้ายกับ Bank Statement เอกสารราชการอื่นๆ: เช่น จดหมายจากหน่วยงานราชการที่ระบุชื่อและที่อยู่ของคุณ วิธีการส่งเอกสาร: Wise มักจะให้คุณอัปโหลดรูปถ่ายหรือไฟล์ PDF ของเอกสารโดยตรงผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปถ่ายมีความชัดเจน ไม่เบลอ ไม่มืดหรือสว่างเกินไป เห็นข้อมูลทั้งหมดครบถ้วน ไม่มีการสะท้อนแสง และไม่มีส่วนใดของเอกสารถูกตัดขาด ในบางกรณี (น้อยมาก) Wise อาจขอให้คุณถ่ายรูปเซลฟี่พร้อมถือเอกสารยืนยันตัวตน เพื่อยืนยันว่าคุณคือเจ้าของเอกสารจริงๆ ระยะเวลาในการยืนยันตัวตน: กระบวนการนี้มักจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วันทำการ หากเอกสารไม่ชัดเจนหรือไม่ถูกต้อง Wise อาจติดต่อกลับมาเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้กระบวนการล่าช้าออกไป เคล็ดลับ: เพื่อให้การยืนยันตัวตนเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด: ใช้หนังสือเดินทางเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนหากมี ตรวจสอบว่าชื่อและที่อยู่บนเอกสารตรงกับข้อมูลที่คุณป้อนไว้ในระบบ ถ่ายรูปเอกสารในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ และให้แน่ใจว่ามุมทั้งสี่ของเอกสารอยู่ในกรอบภาพ ขั้นตอนที่ 10: บัญชีของคุณพร้อมใช้งาน! เมื่อ Wise ตรวจสอบและยืนยันตัวตนของคุณเรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทางอีเมลว่าบัญชีของคุณพร้อมใช้งานแล้ว หลังจากนั้น คุณสามารถเริ่มใช้งานบริการต่างๆ ของ Wise ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น: การโอนเงินระหว่างประเทศ: ส่งเงินไปยังบัญชีธนาคารในประเทศต่างๆ การถือเงินหลายสกุล: เปิดบัญชี Multicurrency Account เพื่อถือเงินในสกุลต่างๆ ได้มากถึง 50+ สกุลเงิน การรับเงิน: รับเงินจากต่างประเทศด้วยรายละเอียดบัญชีธนาคารท้องถิ่น (สำหรับบางสกุลเงิน เช่น USD, EUR, GBP) การขอ Wise Card (บัตรเดบิต Wise): ใช้จ่ายในต่างประเทศด้วยอัตราแลกเปลี่ยนจริง (หากบริการนี้มีให้บริการในประเทศไทยสำหรับบัญชีส่วนบุคคล) สรุป: การลงทะเบียน Wise นั้นไม่ยาก แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขั้นตอนการยืนยันตัวตน คุณต้องเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและถ่ายรูปให้ชัดเจน เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างรวดเร็ว และต้องเสียค่าธรรมเนียมในตอนแรกประมาณ 880 บาทซึ่งอาจจะมีค่าธรรมเนียมประมาณ 50 บาทในการโอนเงินกลับมาที่ธนาคารในประเทศไทย ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจากเว็บไซต์ Wise ภาพปกจาก https://pixabay.com/th โดย geralt เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !