'บิ๊กตู่' สั่ง ขส.ทบ.แจงซื้อรถเมล์ปรับอากาศ 504ล. - พร้อมเร่งหามาตรการกระตุ้น ศก. เพิ่ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีมีการร้องเรียนความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อรถบัสปรับอากาศของกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) วงเงิน 504 ล้านบาทว่า เป็นการดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หากพบข้อสงสัยให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้นสังกัดมาชี้แจงรายละเอียด เป็นเรื่องของกรมการขนส่งทหารบก ได้สั่งการไปแล้ว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า นายกฯสั่งการให้ทุกหน่วยงานที่ต้องจัดซื้อรถประจำตำแหน่ง ในอนาคตอยากให้มีการจัดซื้อรถระบบอีวี หรือรถที่ใช้แบตเตอรี่มากขึ้น เพื่อรองรับการผลิตรถดังกล่าวในอนาคต และเพื่อป้องกันมลภาวะด้วย สำหรับสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมที่สำคัญคือ การประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมทวิภาคีหลายส่วน ซึ่งวันนี้ ครม.ได้รับทราบในเรื่องของกรอบแต่ละเรื่องแล้ว
ครม.เคาะราคาอ้อย2ฤดูกาล
นายอนุชาแถลงอีกว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย ระดับความหวาน 10 ซีซีเอส ฤดูการผลิต ปี 2560-61 ในอัตรา 790.62 บาทต่อตัน และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทราย 338.84 บาทต่อตัน ส่วนฤดูการผลิต ปี 2561-62 กำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้าย อยู่ในอัตรา 680.77 บาทต่อตัน และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทราย 291.76 บาทต่อตัน
“การดำเนินโครงการทั้ง 2 ฤดูการผลิตนั้น พบว่ามีราคาต่ำกว่าอ้อยขั้นต้นและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นต้น ดังนั้น กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายจึงต้องจ่ายชดเชยให้กับโรงงาน รวม 22,799.21 ล้านบาท โดยในฤดูการผลิต ปี 2560-61 จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 19,730.74 ล้านบาท ส่วนในฤดูการผลิต ปี 2561-62 จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 3,068.47 ล้านบาท ซึ่งรายได้จากโรงงานนำส่งเข้ากองทุนรวม 2 ฤดูการผลิตนั้นอยู่ที่ 4,649.46 ล้านบาท โดยสถานะของกองทุน ณ สิ้นปี 2562 มีสถานะทางการเงินติดลบ 5,800 ล้านบาท ซึ่งทางเลขาฯกองทุนจะมีการชี้แจงแผนการดำเนินงาน โดยเฉพาะการเงินในส่วนที่ติดลบนี้ให้กระทรวงอุตสาหกรรมต้นสังกัดต่อไป”นายอนุชากล่าว
เร่งกระตุ้นศก.ในประเทศเพิ่ม
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ให้ทุกหน่วยงานเร่งไปหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศเพิ่มเติม หลังจากนายกฯยอมรับในที่ประชุมว่า ตอนนี้ประชาชนชื่นชมโครงการคนละครึ่งเป็นอย่างดี อยากให้ทุกหน่วยงานไปช่วยกันคิดว่าจากนี้จะออกมาตรการให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ส่วนในรายละเอียดว่าจะทำมาตรการอะไร หรืออาจจะขยายโครงการคนละครึ่งหรือไม่นั้น ขอให้หน่วยงานต่างๆ ไปดูรายละเอียดที่เหมาะสม ก่อนนำมาเสนอนายกฯ พิจารณาต่อไป
ที่ประชุมยังได้รับทราบสรุปผลการดำเนินงานมาตรการชิมช้อปใช้ในช่วงระหว่างวันที่ 27 กันยายน 62-31 มกราคม 2563 มีผู้ได้รับสิทธิ 14,354,159 คน มีผู้ใช้สิทธิ 11,802,073 คน มีร้านค้าที่มีผู้ไปใช้สิทธิจำนวน 103,053 ร้าน มียอดการใช้จ่ายผ่านระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์โดยภาครัฐ 28,819 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังจ่ายเงินชดเชยรวม 12,930 ล้านบาท มีผลบวกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.1-0.3%
น.ส.ไตรศุลี แถลงอีกว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์ หรือ ค่าผ่านทางทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ในช่วงวันหยุดยาวชดเชยในวันที่ 18-23 พฤศจิกายน และวันที่ 9-14 ธันวาคม 2563 เพื่อลดปัญหาการจราจรบริเวณหน้าด่านเก็บค่าผ่านทาง