เหลือเวลาอีก 3 นาทีเท่านั้นนะคะ ทุกคนเต้องเร่งมือแล้วนะคะ !! ... เสียงเจื้อยแจ้วของเชฟป้อม ในรายการ "มาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์" ที่เตือนทุกคนว่าเวลาในการทำอาหารใกล้จะหมดลงแล้ว ตามมาด้วยเสียงขานรับ ครับ/ค่ะ เชฟ!! จากผู้เข้าแข่งขันในรายการทำอาหารยอดนิยม ภาพจากรายการแข่งขันทำอาหารเหล่านั้น ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า การแข่งขันทำอาหารนั้น จะยังให้เกิดประโยชน์อย่างใดกับชีวิตของเราได้บ้าง...ภาพจาก : Freepikผู้เขียนเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบในการทำอาหาร และเป็นคนที่ทำอาหารกินเองเป็นประจำๆอยู่แล้ว ซึ่งหากลองมองให้ดีแล้ว การทำอาหารนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงเฉพาะการปรุงอาหารเพื่อให้คนอื่นหรือตนเองได้กินเพียงเท่านั้น หากแต่การทำอาหารนั้น แฝงนัยยะบางอย่างที่เป็นประโยชน์เอาไว้อย่างแยบคาย ซึ่งในช่วงนี้ อาจเป็นช่วงที่หลายคน มีเวลาอยู่ติดบ้านทำอาหารกันมากขึ้น เราจะมาแชร์ถึงประโยชน์หรือสิ่งที่ได้จากการทำอาหาร ซึ่งจะทำให้มุมมองของคุณต่อการฝึกฝนทำอาหาร ไม่ธรรมดาอีกต่อไป1. ฝึกความอดทนการทำอาหารนั้น เป็นการฝึกความอดทนชั้นยอด เพราะบางครั้ง คุณจะต้องเผชิญกับทั้งความเหนื่อยและความร้อน คุณอาจจะต้องอยู่หน้าเตาที่มีอุนหภูมิความร้อนสูง อาจจะต้องยืนหรือเดินไปเดินมา เป็นเวลาหลายชั่วโมง เพราะไม่สามารถนั่งได้ในระหว่างที่ทำอาหาร หรือแม้กระทั่งการหั่นผักอย่างหัวหอม ที่อาจจะทำให้คุณเสียน้ำตาได้ นั่นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คุณจะต้องอดทน ทั้งสิ้น การทำอาหารจึงเป็นเครื่องมือฝึกความอดทนได้ชั้นดีทีเดียว แต่หากคุณผ่านมันไปได้ ก็เท่ากับว่า คุณมีความอดทนที่ดีเลิศเลยล่ะภาพจาก : Freepik2. รู้จักการบริหารเวลาเวลา เป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำอาหาร คุณจะต้องรู้จักการควบคุมเวลาให้ดีที่สุด จะเห็นได้ว่า ในครัวระดับมืออาชีพ จะมีนาฬิกาแขวนไว้เสมอ หรือเราอาจจะเห็นว่า เชฟมีนาฬิกาข้อมือที่จับเวลาได้ทุกคน การฝึกฝนทำอาหาร คือการฝึกฝนการตรงต่อเวลา และการบริหารเวลาให้คุ้มค่าที่สุด เพราะคุณจะต้องทำอาหารให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด ไม่ควรใช้เวลานานมากจนเกินไป หรือแม้กระทั่ง การต้ม ตุ๋น ทอด นึ่ง หรือการหมักวัตถุดิบนั้น ล้วนแล้วแต่มีเวลากำหนดที่ชัดเจน ว่าควรใช้เวลาเท่าไหร่ จึงจะทำให้อาหารที่เราปรุงนั้น ออกมาดี การทำอาหารจึงเป็นเครื่องฝึกการบริหารเวลาได้อย่างดีเยี่ยม3. รู้จักการวางแผน การทำอาหาร ฝึกการวางแผนได้อย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่ขั้นแรก คุณจะต้องวางแผนการสรรหาวัตถุดิบ คุณจะต้องไปซื้อผักที่ไหน ซื้อเนื้อที่ไหน ตลาดไหนที่จะสามารถซื้อของได้ในราคาถูก ร้านค้าบางร้านเป็นร้านค้าวัตถุดิบเฉพาะ คุณจะต้องวางแผน ก่อนการเลือกซื้อวัตถุดิบ หลังจากนั้น คุณจะต้องมาวางแผนในครัวต่อ ว่าควรจะทำเมนูไหน อย่างไร ก่อน หรือหลัง วัตถุดิบแต่ละส่วน ใช้ในปริมาณเท่าไหร่ ควรหั่นผักก่อน หรือควรหั่นเนื้อก่อน คุณจะต้องรู้จักเรียงลำดับความสำคัญถึงสิ่งที่ต้องทำในครัวเสมอ ๆ ดังนั้น พ่อครัว หรือเชฟที่ดี จึงเป็นนักวางแผนที่ดีเช่นกันภาพจาก : Freepik4. ฝึกฝนความคิดสร้างสรรค์จานอาหารที่ถูกจัดอย่างปราณีตนั้น เพิ่มความน่ากินให้กับอาหารมื้อนั้นๆของคุณได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งคุณจะต้องใส่ความคิดสร้างสรรค์ ในการปรุงอาหารและจัดจานอาหารทุกครั้ง หรือแม้แต่วัตถุดิบบางอย่าง ซึ่งอาจเป็นสูตรลับของใครของมัน นั่นเท่ากับว่า หากคุณค้นหาแนวทาง หรือสูตรอาหารของตนเองได้ ก็เท่ากับว่า คุณมีความคิดที่สร้างสรรค์ไม่เป็นรองใคร5. ฝึกการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าสิ่งนี้ คือหัวใจหลักในการทำอาหาร เพราะไม่มีการทำอาหารครั้งใด ที่ราบรื่นเสมอไป ปัญหา คือหัวใจหลักในครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องพบเจอ คุณจะทำอย่างไรเมื่อวัตถุดิบบางอย่างหมดลง คุณจะทำอย่างไร เมื่ออาหารของคุณ ไหม้ หรือเละจนเกินไป หวาน หรือเค็มจนเกินไป การทำอาหาร เป็นสิ่งที่บอกเราว่า ความผิดพลาด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อผิดพลาดแล้ว เราจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอย่างไรต่างหาก นั่นคือสิ่งที่สำคัญกว่าภาพจาก : Freepik6. ใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้นการเข้าครัวทำอาหารนั้น คุณจะมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และอาจมีเวลา ทบทวนสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งความคิดดี ๆ ต่าง ๆ อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างที่คุณกำลังทำอาหาร เพราะเมื่อคุณตั้งใจจนเกิดเป็นสมาธิ คุณจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีๆต่าง ๆ ได้มากมายเลยล่ะ7. ฝึกสมาธิต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้ว การทำอาหารนั้น จะต้องใช้สมาธิขั้นสูง เพราะคุณจะต้องอยู่กับของมีคม ซึ่งจะต้องใช้สติ และสมาธิ เพื่อความปลอดภัยในระหว่างการทำอาหาร ซึ่งถือเป็นการฝึกสมาธิได้อย่างดีเยี่ยมภาพจาก : Freepik8. รู้จักใส่ใจสิ่งเล็กๆน้อยๆสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คนหลายๆคนมักมองข้าม บางครั้ง ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้รสชาติอาหารนั้น เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หรือแย่ลงเลยก็เป็นได้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า เชฟที่ดี มักจะใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ9. เปิดโอกาสในการค้นหาตนเองเรียกได้ว่า หากรัก ก็รักเลย หรือหากเกลียด ก็เกลียดเลย การทำอาหารนั้น เป็นการเปิดประตู ให้เราสามารถรู้ถึงขีดความสามารถของเราได้อย่างดีเยี่ยม จากสิ่งที่อธิบายในข้างต้นนั้น ซึ่งเป็นข่อบ่งชี้ได้ว่า การจะทำอาหารได้นั้น เกิดจากหลาย ๆ องค์ประกอบรวมกัน ซึ่งไม่ได้แปลว่าคุณจะมีคุณสมบัติ ครบดังทุกข้อที่กล่าวมา แต่หากคุณรู้จักตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็มีโอกาสที่จะปรับปรุง แก้ไขตัวเองได้เร็วเท่านั้นภาพจาก : Freepik10. ลิ้มรส รสชาติของความสำเร็จคุณอาจจะมองว่า มันก็เป็นเพียงอาหารแค่จานเดียว.... แต่ ลืมไปหรือเปล่าครับ ว่าคุณกำลัง เป็นผู้สร้างสรรค์บางสิ่งบางอย่างให้เกิดขึ้นได้ หากมองว่ามันเป็นอาหารแค่จานเดียว มันจะเป็นได้แค่นั้น แต่หากคุณมองว่า การทำอาหาร คือความสำเร็จ ที่ลงมือทำได้ใกล้ตัวที่สุด มันจะเพิ่มพลังบวกให้คุณต่อไปได้อีกไม่รู้จบ คุณจะรู้จักและเข้าใจ ถึงการเป็นผู้สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้น และแม้มันจะเป็นแค่อาหารเพียงจานเดียว แต่ถ้ามันสำเร็จ มันก็คือความสำเร็จของคุณ ซึ่งไม่มีใคร พรากมันไปจากคุณได้เลย เห็นมั้ยครับว่า การฝึกทำอาหารนั้น ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิดซะอีก แค่ลองปรับ MindSet ใหม่เพราะชีวิตของคุณ สามารถเรียนรู้ได้ ในทุกสิ่งที่คุณลงมือทำ....เรื่อง : จิรวัสส์ สุทธิพิทยศักดิ์เครดิตภาพหน้าปก : Freepik Facebook : Thailand Local