รีเซต

มุกเดิม! แก๊งตุ๋นหลอกลงทุนที่ดิน อดีตครู วัย 67 สูญกว่า 4 แสน

มุกเดิม! แก๊งตุ๋นหลอกลงทุนที่ดิน อดีตครู วัย 67 สูญกว่า 4 แสน
มติชน
17 พฤศจิกายน 2564 ( 10:44 )
93

อดีตครูถูกแก๊งต้มตุ๋น 4 คน สร้างสตอรี่หลอกอดีตครูวัย 67 ปี ชาว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ ให้ร่วมลงทุนระยะสั้นจากการขายที่ดิน วันเดียวจะได้ค่านายหน้า 7 แสน ลุงหลงเชื่อไปถอนเงินให้ 2.9 แสน ไม่หนำใจ ถอดทองในคออีก 5 บาท แล้วหนีลอบนวล แค้นสุดเป็นถึงครูแต่มาโดนหลอกง่ายๆ วอนตามจับมาดำเนินคดี

 

วันที่ 17 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากอดีตข้าราชการครู ว่าถูกแก๊งต้มตุ๋น หลอกเอาเงินสดและทองรูปพรรณ มูลค่ากว่า 400,000 บาท และอยากจะแจ้งเตือนให้ระวัง เพราะกลุ่มมิจฉาชีพปัจจุบันมาหลากหลายรูปแบบ

เมื่อตรวจสอบ พบว่าผู้ที่ถูกหลอกคือนายประยูร พรหมทา อายุ 67 ปีอยู่เลขที่ 1 หมู่ 2 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ อดีตข้าราชการครู และเจ้าของหอพักพัณช์ชิตา อยู่ในเขตเทศบาลหนองหงส์

 

โดยนายประยูร เล่าว่า เมื่อประมาณต้นเดือนที่ผ่านมา ได้มีชาย 2 คน อายุประมาณ 25 ปี อีกคนประมาณ 50 ปี มาขอเช่าหอพัก 2 ห้อง อ้างว่าเป็นผู้รับเหมาเดินสายอินเตอร์เน็ต จึงกันห้องไว้

 

ต่อมาวันที่ 12 พ.ย.ชายทั้งสองกลับมาอีกครั้ง คราวนี้จะให้พาไปทำธุระที่บ้านกระเบื้อง เพราะไม่รู้เส้นทาง ซึ่งห่างจากหอพักประมาณ 5 กม. ตนเห็นเป็นลูกค้าจึงขึ้นรถไปส่งตามคำร้องขอ ไม่ได้คิดอะไร

ระหว่างนั่งรถไปด้วยกัน ชายคนที่อายุประมาณ 50 ปี สมมุติว่าชื่อนาย เอ ถามตนว่า “รู้จักคนชื่อถวิล” นายหน้าขายที่ดินหรือไม่ ตนบอกไม่รู้จัก เมื่อไปถึงบ้านกระเบื้อง นายเอ ให้คนขับรถจอดถามคนที่เดินอยู่ข้างทาง

 

แล้วถามว่า “รู้จักนายถวิล” หรือไม่ ชายคนนั้นสมมุติชื่อว่านาย บี ตอบว่ารู้จัก แต่ตายไปแล้วเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา นายเอ ถามต่อว่ารู้จักเจ้าของที่ดิน 20 ไร่ ที่จะขาย 4 ล้านบาทหรือไม่ นายบี ตอบว่า “เป็นที่ดินผมเอง” แต่ตอนนี้เอาไปจำนองกับร้านทอง 3 ล้านบาท ที่ร้านทองใน อ.ลำปลายมาศ จะถูกยึดในพรุ่งนี้ถ้าไม่ไปไถ่ถอน

 

นายเอ จึงพานายบี ขึ้นรถมาด้วย เพื่อมาเจรจาหาทางออกร่วมกัน โดยนายเอ มากระซิบกับตนว่า “ให้ลุงเป็นนายหน้าแทนนายถวิลไปเลย” เพราะตายไปแล้ว จากนั้นได้ไปจอดรถข้างทาง นายบี เรียกตนไปคุยส่วนตัวบอกว่า ถ้าขายได้จะให้ลุง 200,000 บาท

นายประยูร เล่าต่อว่า ต่อมาได้มีชายอีกคนสมมุติว่าชื่อนาย ซี ขับรถมาจอด เอาถุงกระดาษ มาส่งให้นายเอ บอกว่า”เจ้านายให้เอาเงินมาให้ก่อน 500,000 บาท เพื่อเอาไปมัดจำที่ดิน เพราะได้ตกลงซื้อไว้แล้ว 4,000,000 บาท

 

จากนั้นนายเอ บอกว่าไม่มีปัญหา มีเงินอยู่แล้ว 2 ล้าน เจ้านายให้มาอีก 5 แสนรวมเป็น 2.5 ล้าน ขาดอีกแค่ 5 แสนบาท หายืมใครก็ได้ ก่อนนายเอ จะโทรศัพท์หาใครไม่ทราบ

 

ก่อนที่นายเอ จะหันมาถามตนว่า “ลุงพอมีไหม” ตนตอบไปว่าพอมีอยู่ในธนาคาร 2.9 แสน ถ้าลุงลงทุนด้วย จะแบ่งค่านายหน้าคนละครึ่งคือ 5 แสนบาท รวมแล้วตนจะได้ค่านายหน้าถึง 7 แสนบาท ภายในวันเดียว

 

ตนจึงตกลง และสัญญาว่าถ้าไถ่มาได้ตนจะเป็นถือโฉนดเอาไว้ เพื่อความสบายใจ จากนั้นตนได้ไปถอนเงินจำนวน 2.9 แสนบาท มาแล้วยืนให้กับนายบี เจ้าของที่ดิน แต่ยังไม่พอ จึงถอดสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาทมูลค่าประมาณ 140,000 บาทให้ไปอีก เพื่อให้พอที่จะไปไถ่ที่ดินจำนวนเงิน 3 ล้านบาท

 

จากนั้นนายเอ ได้ให้คนขับรถขับมาส่งตนที่ร้านถ่ายเอกสาร เพื่อให้ถ่ายเอกสารต่างๆรอ ส่วนนายเอ นายบี และคนขับรถบอกว่าจะไปเบิกเงินอีก 2 ล้านบาทที่ธนาคาร แล้วจะวนมารับไปไถ่ถอนด้วยกัน

 

รอประมาณ 15 นาที ไม่เห็น จึงโทรตาม บอกว่ากำลังซื้อกับข้าว ผ่านไป 30 นาที โทรไปอีก บอกว่าให้รออีกนิด จึงเริ่มรู้ว่า”น่าจะถูกหลอก”หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้อีก จึงเข้าไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.อ.สุริยา ใจใหญ่ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลำปลายมาศ อ.ลำปลายมาศ เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี

นายประยูร ยังกล่าวด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจว่า ตั้งแต่รับราชการเป็นครูมา จนถึงเกษียณอายุราชการ ยังไม่เคยมีใครหลอกมาก่อน เพราะไม่ใช่เป็นคนถูกหลอกง่าย ครั้งนี้ถือว่าเจ็บที่สุด จึงอยากจะเรียกร้องให้ตำรวจติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะมีหลักฐานเป็นเบอร์โทรศัพท์ และกล้องวงจรปิดเป็นรถฮอนด้า ซีวิค สีขาว และขอแจ้งเตือนประชาชนทั่วไป ว่าอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายเกินไป สิ่งที่ตนสงสัยอีกอย่างคือระหว่างที่อยู่ในรถ กลุ่มคนร้ายจะฉีดอะไรบางอย่างเหมือนน้ำหอมเป็นระยะ ทำให้ตนมึนชา ทำตามที่คนร้ายบอกทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง