"โอมิครอน" ไวรัสซอมบี้! เช็กอาการโควิด โอมิครอน พร้อมความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

โอมิครอน หรือ โอไมครอน โควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่หลายคนบอกว่าไม่อันตราย แต่องค์กรอนามัยโลก (WHO) และหน่วยงานภาครัฐ เริ่มออกมาเตือนถึงความเสี่ยงในการติดโควิดโอมิครอนว่า "ร้ายไม่แพ้ซอมบี้" โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ง่ายและรวดเร็ว และมีอาการไม่มาก ทำให้เราไม่รู้เลยว่า ติดโควิดแล้วหรือยัง วันนี้ TrueID จึงมาเปิดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด โอมิครอน พร้อมระบุอาการโอมิครอน ที่อาจเกิดขึ้นได้หากเราเผลอติดไวรัสซอมบี้นี้แล้ว
อาการโควิด 19 "โอไมครอน"
กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ระบุว่า อาการโอไมครอนของผู้ป่วย ไม่รุนแรงมาก เบื้องต้นอาการไม่แตกต่างจากโควิด คือ ส่วนใหญ่มีอาการการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ได้แก่ เจ็บคอ ไอแห้งๆ ไข้ ระยะแพร่เชื้ออยู่ที่ 2-3 วันก่อนมีอาการ และ 3-5 วันหลังมีอาการ บางรายมีอาการปอดอักเสบ แต่ไม่มาก ซึ่งการรักษาด้วยยาต้านไวรัสฟาวิพิราเวียร์ หลังมีอาการภายใน 3 วัน ช่วยได้ทำให้ผู้ป่วยอาการหายเป็นปกติ
อาการโอไมครอน ล่าสุด
- อาการไอ 54%
- เจ็บคอ 37%
- มีไข้ 29%
- ปวดกล้ามเนื้อ 15%
- มีน้ำมูก 12%
- ปวดศีรษะ 10%
- หายใจลำบาก 5%
- ได้กลิ่นลดลง 2%
ความเสี่ยงติดเชื้อโอมิครอน ร้ายแรงแค่ไหน
- แม้เชื้อโอมิครอนจะไม่ลงปอด ทำให้ความเสี่ยงในการป่วยหนักลดลง แต่เชื้อโอมิครอนกลับไปเกาะบริเวณเซลล์ผนังลำคอจำนวนมาก เมื่อผู้ติดเชื้อพูดคุย ตะโกน ไอ จาม เชื้อจึงกระจายออกมาง่าย และมากกว่า ทำให้เกิดการแพร่เชื้อได้ง่าย
- เชื้อโควิดถูกห่อหุ้มด้วยน้ำมูก หรือ น้ำลาย แต่เวลาอยู่ในพื้นที่ปิด เมื่อน้ำมูก หรือน้ำลายระเหยแห้งไป เชื้อโควิดที่มีขนาดเล็กลง จะสามารถล่องลอยไปไกล และตกค้างในอากาศได้นาน
- การเปิดประตูหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ มีส่วนช่วยในการลดการสะสมของเชื้อโรคได้ ทั้งนี้การเปิดช่องระบายอากาศควรเปิดให้ทแยงด้านกัน เพื่อทำให้อากาศเกิดการถ่ายเทได้รอบบริเวณมากที่สุด ไม่เหลือการตกค้างของเชื้อโรค
- นอกจากการเว้นระยะห่างแล้ว การเลี่ยงไม่อยู่ในพื้นที่ปิดก็ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิดได้ เพราะภายในพื้นที่ปิด เชื้อจะสามารถแพร่ได้ถึง 3 ทาง ได้แก่ ระยะใกล้ติดจากฝอยละอองขนาดใหญ่ ระยะไกลติดจากฝอยละอองขนาดเล็ก ระยะประชิดติดจากการสัมผัส
วิธีป้องกันโอมิครอน
การเลือกสวมหน้ากากที่มีประสิทธิภาพเหมาะสูง เช่น N95 หรือ KN95 โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น พื้นที่แออัด มีคนจำนวนมาก ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มาก แต่ทั้งนี้ต้องสวมให้ถูกวิธี และกระชับใบหน้า เพราะการสวมหน้ากากไม่กระชับอาจเกิดช่องโหว่ให้เชื้อโรดลอดเข้ามาได้ ได้แก่ ช่องเหนือจมูก ช่องข้างแก้ม และช่องใต้คาง
วิธีเช็กว่าติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่
ไม่ว่าจะสายพันธุ์โอไมครอน สายพันธุ์เดลต้า หรือสายพันธุ์อื่นๆ หากมีอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้ต่ำ ๆ ไอ, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, จมูกไม่ได้กลิ่น, ลิ้นไม่รับรส, หายใจเร็ว, หายใจเหนื่อย หายใจลำบาก หรือมีตาแดง, ผื่นขึ้น, ถ่ายเหลว หรือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด ทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการ ให้สงสัยและรีบตรวจ ATK ก่อนและหลีกเลี่ยงเข้าแหล่งชุมชน ที่สาธารณะ
หากมีผลเป็นลบ (ไม่ติดเชื้อ) ควรทดสอบด้วยชุดตรวจ ATK อีกครั้งใน 3-5 วัน ระหว่างนี้ให้แยกกักตัว หากมีอาการรุนแรง ควรไปสถานพยาบาลเพื่อตรวจหาเชื้อด้วยวิธีมาตรฐาน RT-PCR เพื่อยืนยันผลอีกครั้ง แต่หากมีความเสี่ยงสูงตั้งแต่ต้น หรือ ผลตรวจ ATK เป็นบวก (ติดเชื้อ) ควรตรวจยืนยันด้วย RT-PCR เพื่อยืนยันตามขั้นตอน ควรกักตัว งดการออกจากบ้านโดยเด็ดขาด
แจ้งคนใกล้ชิดให้ทราบ เว้นระยะห่างสวมหน้ากากตลอดเวลา แยกห้องน้ำ แยกของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ รวมทั้งถุงใส่ขยะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์เลี้ยงในบ้าน ล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ และรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาทันที
ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุข , สสส.
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.
คลิกเลย >>> TrueID Community <<<