ผู้เขียนได้มีโอกาสไปทัศนาจร ดูบริเวณที่เคยเป็นแหล่งทำมาหากินของคนในชุมชน ตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบริเวณนี้ก็คือห้วยเรือ มีลักษณะทางภูมิศาสตร์เป็นที่ราบน้ำท่วมถึง (Floodplain) บริเวณกว้างขวาง ใช้เป็นที่ทำมาหากินของชาวบ้านแถวนั้น ไม่ว่าจะเป็นการประมงน้ำจืด หากุ้ง หอย ปู ปลา หรือในช่วงเวลาที่น้ำลดก็ใช้เป็นที่ปลูกต้นปอ ในสมัยก่อนจะมีการปลูกปอและลอกปอ นำไปขายเป็นจำนวนมากเนื่องจากในช่างเดือนกันยายนของที่ 2562 ที่ผ่านมาจังหวัดอุบลราชธานีได้ประสบกับปัญหาน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรง เป็นผลให้ฝายกั้นน้ำเกิดการพังทลายและน้ำได้ทะลักออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดปัญหาตามมาก็คือ ปัญหาภัยแล้งนั่นเองบริเวณนี้ตั้งอยู่ในบริเวณของหมู่บ้านกุดกะเสียน ตำบลเขื่องใน อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ผู้เขียนได้เห็นพื้นดินมีลักษณะที่บางอย่าง ซึ่งเป็นวงกลมหลายบ่อ จำนวนมาก ซึ่งบ่อวงกลมเหล่านั้นเป็นที่รู้จักของคนในแถบนั้นเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็คือบวกควายในภาษาอีสาน หรือปลักควาย ในภาษากลางนั่นเองค่ะผู้เขียนได้มีโอกาสพบกับคุณลุงแตแนน คุณลุงท่านนี้ได้เลี้ยงควายเป็นจำนวนมาก จึงได้มีโอกาสเข้าไปสอบถามพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบวกควาย คุณลุงบอกว่าบวกควายพวกนี้ มีมานานมากแล้วประมาณ 20 กว่าปีที่ บวกควายพวกนี้ยังคงอยู่มาไม่เคยเลือนหายไปไหน เพราะตนเองก็ยังดำรงอาชีพเลี้ยงควายมาตลอด ซึ่งบวกควายพวกนี้มีประโยชน์อย่างมากในการที่ควายจะลงไปคลุกโคลนตม เพราะเมื่ออากาศร้อน กอปรกับผิวหนังสีดำทำให้ดูดซับแสงอาทิตย์ได้มาก ควายจึงเป็นสัตว์ที่ไม่ทนร้อนต้องมีการแช่น้ำหรือ การลงไปคลุกโคนจะช่วยป้องกันแสงแดด ไม่เพียงแต่เท่านั้นยังช่วยในการป้องกันพวกสัตว์ดูดเดือดพวก เหลือบ ริ้น ยุงแมลงต่าง ๆ ที่จะเข้ามาดูดเลือดซึ่งก็เปรียบเสมือนสปาของวัวควายดี ๆ นี่เองค่ะนอกจากนั้นแล้วบวกหรือปลักควาย ยังเป็นที่หากินของชาวบ้าน กล่าวคือจะมีพวกแมลงชนิดต่าง ๆ เช่น ลูกอ๊อด กบ เขียด แมงระงำ มาอยู่อาศัยในบวกควาย จะเห็นได้ว่าบวก/ปลัก และควาย ไม่ได้แยกออกจากกัน กล่าวคือมีควายที่ไหนมีปลักที่นั่น และไม่เพียงแต่จะให้ประโยชน์แก่ควายเท่านั้น ยังให้ประโยชน์ทางด้านอาหารของมนุษย์ผู้เลี้ยงได้อีกด้วยค่ะโดยลักษณะทั่วไป บวกควายจะมีขนาดน้อยใหญ่ขึ้นอยู่กับฝูงของควาย หรือของฝูงนั้น ๆ บางบวกก็จะมีขนาดใหญ่สำหรับควายลงได้หลาย ๆ ตัวหรือบางบวกก็จะมีขนาดเล็ก สำหรับควายลงตัวเดียว บวกควายจะมีขนาดกว้าง และขนาดใหญ่ขยายใหญ่ออกไปเรื่อย ๆ ด้วยการ เสี่ยนตัว มีความหมายว่าการพลิกตัวไปมา ทำให้บวกขยายวงกว้าง ลักษณะของดิน จะเป็นดินโคลน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ จะได้กลิ่นของโคลนและกลิ่นของควาย เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นโคลนสาบควาย เป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์ ถ้าเดินเข้าไปแล้วจะรู้เลยว่านี่คือกินของควายวันนี้ผู้เขียนอาจจะพลาดไม่ได้เห็นการลงแช่สปาโคลนของพวกเจ้าทุย แต่ผู้เขียนก็เคยเห็นนะคะ เปรียบเสมือนฟองดูเคลือบช็อคโกแลตดี ๆ นี่เอง เป็นภาพที่น่ารักมากเลยค่ะทุกวันนี้บวกหรือควายกำลังจะสูญหายไปแล้ว เพราะชาวบ้านก็เริ่มที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงควาย ผู้เขียนจึงอยากจะเก็บรูปเหล่านี้ไว้เป็นประสบการณ์ให้คนรุ่นใหม่ได้อ่านและทำความรู้จักกับวิถีชีวิตของคนและควาย ที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ประโยชน์พึ่งพาอาศัยกันได้เป็นอย่างดีค่ะภาพปกโดย: khaofangภาพประกอบโดย: khaofang