สวัสดีครับ วันนี้จะมาพูดถึงวิธีการหาแหล่งความรู้เพื่อที่จะนำมาพัฒนาตัวเอง โดยแหล่งความรู้นั้นจะสามารถหาได้ด้วยตัวเอง ซึ่งแหล่งความรู้เหล่านี้สามารถทำให้เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ ตั้งแต่ไม่มีความรู้เลยไปจนถึงสามารถประกอบเป็นอาชีพได้ หลาย ๆ คนบอกว่าการจะพัฒนาตัวเองได้นั้นจะต้องไปเรียนปริญญาโท ปริญญาเอก หรือไปลงเรียนคอร์สเรียนที่ราคาแพง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็เหมือนเป็นข้ออ้างที่จะทำให้เรานั้นไม่พัฒนาตัวเอง และปิดกั้นความรู้ใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาในปัจจุบันนี้หลาย ๆ บริษัทนั้น เริ่มไม่ได้ให้ความสำคัญกับใบปริญญามากนัก เพราะเค้าจะดูจากการทำงานจริงหรือประสบการณ์การทำงานมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าใบปริญญาจะไม่สำคัญ จนไม่ต้องเรียนนะครับ และวันนี้ผมจะมาบอกแหล่งเรียนรู้ที่เราสามารถนำมาพัฒนาตัวเองได้ ในแบบที่เราสามารถหาได้ด้วยตัวเองกันครับแหล่งเรียนรู้ที่เราจะสามารถหาได้ด้วยตัวเองนั้นจะมี 4 แห่งด้วยกันครับ1. ห้องสมุดไม่ว่าจะเป็นห้องสมุดชุมชน ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย หรือที่ไหนก็ตาม ล้วนแล้วแต่เป็นแหล่งความรู้ชั้นดี ซึ่งห้องสมุดในหลาย ๆ แห่งก็ไม่ต้องเสียค่าเข้าใช้บริการ ในห้องสมุดจะมีหนังสือที่สามารถให้ความรู้ได้ในทุก ๆ ด้าน ถ้ามีความสนใจที่จะหาความรู้ในด้านไหน รับรองว่าการเข้าห้องสมุดนั้น คุณจะได้ความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างแน่นอนที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/book2. Facebook Groupแน่นอนว่า Facebook นั้นเป็นที่นิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน โดย Facebook ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เราสามารถหาได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ซึ่ง Facebook นั้นจะมีกลุ่มสังคมของแต่ละกลุ่มมากมาย ซึ่งเป็นการรวบรวมคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันให้มาอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่น กลุ่มคนที่ชอบทำอาหาร กลุ่มคนที่ชอบรถยนต์ กลุ่มคนเล่นหุ้น เป็นต้น คราวนี้ถ้าเรามีความสนใจในเรื่องไหนเราก็สามารถที่จะขอเข้าไปร่วมอยู่ในกลุ่มนั้น ๆ ได้ และภายในกลุ่มก็จะมีการแบ่งปันความรู้ต่าง ๆ ในเรื่องเฉพาะทางที่เราให้ความสนใจโดยตรง หรือถ้ามีข้อสงสัยในเรื่องนั้น ๆ สามารถที่จะโพสต์ถามคนในกลุ่มได้ และก็จะมีคนที่มีความรู้ในเรื่องนั้นมาตอบคำถามให้กับเรา เรียกได้ว่าเป็นการหาแหล่งความรู้จาก Facebook ที่เราต้องเปิดเล่นกันทุกวันอยู่แล้วที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/facebook3. Youtubeการดู Youtube นั้นหลาย ๆ คนใช้ดูเพื่อความบันเทิง แต่ความจริงแล้วนั้น Youtube เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งใน Youtube จะมีคนเก่ง ๆ มากมายมาแบ่งปันความรู้ ถ้าเราอยากจะเรียนรู้ในเรื่องไหน ก็เพียงแค่พิมพ์เสิร์ชหาในเรื่องนั้น ๆ เช่น อยากเรียนรู้ด้านการออกแบบ ก็เสิร์ชว่า เรียนรู้การออกแบบ อยากเรียนรู้เรื่องการตัดต่อ ก็เสิร์ชว่า การตัดต่อ และอื่น ๆ อย่างที่บอกไปว่า Youtube คือแหล่งเรียนรู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ใน Youtube เป็นแหล่งความรู้ที่สามารถให้ความรู้ได้ในทุก ๆ เรื่อง และยิ่งถ้ามีความรู้ด้านภาษาอังกฤษและภาษาอื่น ๆ อีก ก็จะทำให้สามารถหาความรู้ได้กว้างมากขึ้นไปอีก เพราะจะสามารถดูวีดีโอจากแหล่งความรู้ที่เป็นภาษาอังกฤษจากคนต่างชาติได้อีกด้วยที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/male-sitting-watching4. คอร์สเรียนออนไลน์ปัจจุบันมีคอร์สเรียนออนไลน์มากมาย ซึ่งมีทั้งเรียนแบบฟรีและแบบเสียเงิน หลาย ๆ สถาบันก็เริ่มที่จะมีการปล่อยคอร์สเรียนออนไลน์ออกมามากมาย ยกตัวอย่างที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เปิดให้เรียนแบบฟรี ๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้แบบไร้ขีดจำกัดในเว็บ Chula Mooc ในเว็บไซต์ก็จะมีแหล่งเรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ มากมาย อาทิเช่น เรื่องกฎหมาย คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สุขภาพ หรือดนตรี เรียกว่าครอบคลุมทุกความรู้ในที่เดียวที่มาภาพ https://www.freepik.com/free-photo/online-studyและนี่ก็เป็นแหล่งเรียนรู้ทั้ง 4 แห่งด้วยกันที่เรานั้นสามารถหาได้ด้วยตัวเอง การเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวของเราเอง และเป็นการทำให้เราพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ดังนั้น จงอย่าหยุดที่จะหาความรู้ใหม่ ๆ เสมอ เพื่อที่จะได้ก้าวทันโลกเพราะโลกสมัยใหม่นั้นไปเร็วกว่าที่เราคิด ที่มาภาพปก https://www.freepik.com/free-photo/portrait