เราอยู่ในยุคที่ทักษะและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร หากเรามีความรู้ความเข้าใจ ความถนัดเฉพาะทางในงานนั้น ๆ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะทำให้งานของเราออกมามีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อการพัฒนาศักยภาพและผลตอบแทนที่เราจะได้รับ ดังนั้น ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงเป็นทักษะแห่งอนาคต ในตลาดแรงงานเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ องค์กรต่าง ๆ ลงทุนไปกับงานด้านบุคคลค่อนข้างมาก แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่เพียงแต่อาชีพพนักงานบริษัทที่ต้องฝึกฝนทักษะความเชี่ยวชาญ แม้แต่เกษตรกรก็จำเป็นต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ด้วยเพราะความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวเป็นสิ่งสำคัญ เป็นเหตุผลที่ทำให้มหาวิทยาลัยแห่งรัฐวอชิงตัน สร้างห้องวิจัยขนมปัง (Bread Lab) ขึ้นมา ด้วยคนอเมริกันนิยมรับประทานขนมปังเป็นอาหารหลัก แล้วจะทำอย่างไรให้เกษตรกรผลิตธัญพืชที่มีคุณภาพ เพื่อจะนำมาทำเป็นขนมปังเกรดพรีเมียมป้อนสู่ตลาดอาหารอเมริกัน ห้องวิจัยขนมปังจึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองวัฒนธรรมการบริโภคเหล่านี้ ที่สำคัญคือไม่ใช่ห้องวิจัยที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว แต่เป็นสถานที่ที่มีการพัฒนาอย่างจริงจัง ทั้งหมดเพื่อต้องการให้ชาวอเมริกันมีขนมปังคุณภาพดีสำหรับบริโภคต้องเล่าก่อนว่า ชาวอเมริกันค่อนข้างให้ความสำคัญกับความรู้เฉพาะทาง สมัยก่อนห้องวิจัยขนมปังเป็นเพียงสถานีทดลองขนาดเล็ก แรกเริ่มเดิมทีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้คิดค้นขึ้นมาในปี 2011 เพื่อใช้เป็นแหล่งศึกษาการทำขนมปังสำหรับนักศึกษา แต่ผลตอบรับกลับเป็นไปในทางที่ดีมาก จากศูนย์วิจัยเล็ก ๆ ได้รับทุนอุดหนุนจากภาครัฐ ปัจจุบันห้องวิจัยขนมปังกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ขนาดใหญ่ พัฒนาห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ มีโรงเรียนสอนอบขนมปังอย่างมืออาชีพ และล่าสุดได้เปิดโรงสีธัญพืชเพื่อให้เกษตรกรนำธัญพืชมาขัดสีได้ฟรี และยังได้รับความรู้เกี่ยวกับการทำขนมปังที่มีคุณภาพ จากผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในศูนย์วิจัยแห่งนี้ด้วยศูนย์วิจัยขนมปังถือเป็นแหล่งเรียนรู้ของเกษตรกรอเมริกันไปโดยปริยาย พวกเขาจะได้เรียนรู้ว่า ควรปลูกธัญพืชประเภทใดที่เหมาะสมในการนำมาใช้ทำขนมปัง รวมทั้งมีครูสอนขั้นตอนการทำขนมปังตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับมืออาชีพ เรียกว่ากระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การปลูกธัญพืช การทำขนมปัง และการตลาดในการจำหน่ายขนมปัง ถูกรวบรวมไว้ ณ ศูนย์วิจัยแห่งนี้ทั้งหมด และในปี 2020 นี้ นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งพัฒนาให้สถานที่แห่งนี้ กลายเป็นศูนย์รวมของเกษตรกรที่ผลิตธัญพืชเพื่อผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากขนมปังอีกด้วย ทั้งนักปรุงเบียร์ นักกลั่นเหล้า และที่สำคัญมากที่สุดคือ เกษตรกรผู้ปลูกธัญพืชป้อนตลาดอาหารสุขภาพย้อนกลับมาที่บ้านเรา ผู้เขียนคิดว่าหากแต่ละชุมชนมีศูนย์วิจัยประจำชุมชน ให้ทุกครัวเรือนสามารถนำความรู้ของตัวเองมาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน มีเครื่องไม้เครื่องมือที่สามารถนำผลิตผลมาใช้ประโยชน์ได้ มีผู้เชี่ยวชาญคอยให้ความรู้ คิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สมมติว่าชุมชนแห่งหนึ่งนิยมปลูกสับปะรด ซึ่งเรารู้กันดีว่าแต่ละปีจะมีผลผลิตล้นตลาด แต่หากมีศูนย์กลางของชุมชน ชาวบ้านจะได้มีแนวทางการแปรรูปสับปะรด ใช้ประโยชน์จากทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่า อย่างฟิลิปปินส์นำใยสับปะรดมาทอผ้า แน่นอนว่าเกษตรกรบ้านเราก็สามารถทำได้ แต่มีอุปสรรคในการค้นคว้าหาความรู้ แต่หากมีผู้เชี่ยวชาญคอยผลัดเปลี่ยนกันมาให้คำแนะนำ เหล่าเกษตรกรจะมีทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะตัวเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าภาคเกษตรกรรมของประเทศไทยจะมั่นคงแข็งแรง ไม่ประสบปัญหารอบด้านอย่างที่เกิดทุกวันนี้แน่นอนรูปภาพหน้าปก โดย Drew Coffman : Unsplashรูปภาพประกอบที่ 1 โดย Couleur : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 2 โดย Aureliofoxjr : Pixabayรูปภาพประกอบที่ 3 โดย HomeMaker : Pixabayคลิปวิดีโอแนะนำ Bread Lab : Youtube