บล็อกเชน ตามที่ผมเข้าใจมันคือ นวัตกรรมสุดยอดทางเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่มีข้อมูลมหาศาล แต่ด้วยสิ่งนี้(BlockChain) จะทำให้เรื่องทุกอย่างง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนมีมนต์วิเศษมาคอยกำกับให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผนที่หน่วยงานนั้นๆนำไปใช้เพื่อประโยนช์สูงสุดขององค์กรและมีความโปรงใสเชื่อถือได้ความหมาย Blockchain คือ เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจาย โดยใช้หลักการ การเข้ารหัส ร่วมกับฉันทามติ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการป้องกันการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่อาจถูกแก้ระหว่างทางทำให้เป็นไปได้ยากขึ้นและปลอดภัยมากขึ้นขั้นตอนการทำงาน (พร้อมยกตัวอย่าง ภาพล่าง) ของระบบบล็อกเชน ----- จัดเก็บข้อมูลพื้นฐานทั้งหมดของผู้เข้าร่วม 20 คน-----รับฉันทามติในการจัดทำบัญชีร่วมกันทั้ง 20 คน-----จัดแบ่งแยกบัญชี 20 บัญชีแล้วทำการเชื่อมโยงบัญชีบล็อกเชน-----ระบบแจกสำเนาบัญชีทั้งหมดกลับไปให้ผู้ถือทั้ง 20 คน (ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ใน ณที่นี้ด้วยนะครับ) แต่ละคนมีเงินอยู่1000 บาท แบ่งฝั่งออกเป็นสองข้าง ต่อมาเราอยากจะเอาเงิน A ออกไป 100 บาท เพื่อโอนให้ F โดยมี S เป็นปลายทางที่จะส่งต่อไปหา F โดยที่ S ก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบว่า A มีเงินในบัญชีและตัวตนจริงไหม เมื่อตรวจสอบว่ามีจริงแล้ว S ก็จะดำเนินการส่งต่อข้อมูลไปหา S อีกฝั่งหนึ่ง แล้วก็จะทำการตรวจสอบอีกรอบหนึ่งว่าทางนี้มีชื่อบัญชีนี้จริงรึไม่ หากตรวจสอบแล้วว่ามีจริงก็จะทำการถ่ายโอนข้อมูลมายัง F ต่อไป แล้วระหว่างที่กำลังจะโอนไป คำถาม หากมีการแก้ไขธุรกรรมระหว่างทางกับข้อมูล A ได้ไหม คำตอบ คือ ได้ แต่ต้องแก้ไขทั้ง 20 คนนะ แก้ไขแค่คนเดียวไม่ได้ เพราะว่า ทีเหลือมันยังมีข้อมูลเดิมอยู่ ถ้าจะทำก็ต้องทำทั้ง 20 คน คำถามต่อมา คือ ใครจะไปนั่งตามแก้ธุรกรรมทั้ง 20 คน แล้วต้องนั่งแก้รหัสอีก 19 คนและยังต้องได้รับการอนุญาตจากทุกคน ถ้าอีก 19 คนไม่ยอมก็ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตกหล่นไปในระหว่างทางแต่ระบบนี้มันมีอยู่ด้วยกัน 4แบบ คือ1 แบบสาธารณะ เช่น คือทุกคนมีสิทธิ์เข้ามาแก้ไข เช่น บิทคอยน์ ------หากมีปัญหาขึ้นมาตรวจสอบใช้เวลานาน2.แบบปิด คือ มีผู้จัดการคอยกำกับและปล่อยให้เข้าถึงได้บางส่วน เช่น ภาครัฐ แต่อาจจะมีโอกาสถูกก่อกวนได้ ------ใช้เวลาในการตรวจสอบน้อยกว่าอันแรก3.แบบไฮบริด เป็นการรวมเอา ข้อ 1 กับ ข้อ 2 มารวมกัน ---- ใช้เวลาตรวจสอบเร็วกว่า4.แบบเฉพาะกลุ่ม เ่ช่น กลุ่มที่ทำขึ้นมาเพื่อผลประโยนช์ร่วมกันโดยไม่สแวงหากำไร เข่น องค์กรการค้าทางทะเล เป็นต้นข้อดีของระบบนี้ มีความโปรงใสตรวจสอบได้ มีความนับเชื่อถือสูง เพราะถ้าใครจะแก้ไขก็ต้องได้รับความยินยอมจากทั้งหมดก่อนมีความปลอดภัยสูง เพราะต้องมีการเข้ารหัสความปลอดภัยที่มีความซับซ้อน และต้องได้รับฉันทามติในการขออนุญาตมีการตรวจสอบอย่างรวดเร็วข้อเสียคือตัวระบบมีความซับซ้อนต้องใช้บุคคลากรที่มีความชำนาญโดยตรงมีต้นทุนสูง ทั้งการติดตั้งและซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ข้อมูลส่วนตัวเป็นข้อมูลสาธารณะเข้าถึงได้ง่ายย้อนแย้งกับข้อกฏหมายบางข้อ เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวให้ตั้งคำถามตัวโตๆไว้ก่อนว่า น่าจะเหมาะกับบ้านเราแบบไหน กับเงินหมื่นดิจิตอล ลองเดากันครับ แต่ผมมีอยู่ในใจแล้วว่าข้อไหนน่าจะดีที่สุดกับบ้านเรา ถือว่าเป็นระบบที่ทันสมัยและปลอดภัยในเรื่องการเก็บข้อมูล และ การนำมาใช้ในสถานการณ์จริง ขั้นตอนในการใช้จริงๆน่าจะเป็นขั้นตอนปรกติทั่วไป หากใช้บล็อกเชนต้องมีการสร้างกระเป๋าติจิตอลขึ้นมาใหม่เพื่อให้รองรับกับเหรียญ CBDC ที่เขากำลังจะทำขึ้นมา เพราะต้องใช้แยกกันกับแอปกระเป๋าตังค์ทีมีอยู่เดิมที่เอาไว้รองรับเงินช่วยเหลือต่างๆจากภาครัฐ ซึ่งกระเป๋าดิจิตอลอันนี้จะมีไว้เพื่อเอาไว้ใส่เหรียญ CBDC (อย่างเดียวอย่างนั้นเหรอ)และแค่เอาไว้ใช้ภายในประเทศเท่านั้น หรือ เอาไว้รองรับโปรจากภาครัฐ (อืมยิ่งเขียนยิ่งน่าคิด) แล้วค่อยพัฒนาต่อยอดกระเป๋าดิจิตอลต่อไปเพื่อใช้รองรับเหรียญอื่นๆจากทั่วโลก หวังว่าทุกท่านคงจะได้ความรู้ไม่มากก็น้อยนะครับยังไงก็แล้วแต่ฝากติดตาม ถ้าชอบถ้าใช่ก็ฝากแชร์ด้วยนะครับภาพประกอบทั้งหมด โดย ผู้เขียนภาพประกอบหน้าปกสวยๆ จาก Canva Modern Technology จาก MaikoHattaDigital ledger and blockchain technology icon / Eklip StudioScifi Futuristic Shutdown Power Icon จาก sketchifyพื้นหลัง Galaxy Space / @canvacreativestudioไอคอนเทคโนโลยีสมัยใหม่ / iconsyแอปเป๋าตังWallet Cards | กระเป๋าสตางค์เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !