เมย์แบงก์ เปิด 10 หุ้นได้-เสีย การโยกจาก LTF เป็น TESGX มีหุ้นใดบ้าง

#ทันหุ้น-บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน หลังครม.มีมติเห็นชอบการจัดตั้งกองทุน Thai ESG X (TESGX) ที่จะเปิดให้ซื้อหน่วยลงทุนได้ในเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2568 โดยในส่วนของ Thai ESGX ที่จะมีผลกระทบต่อหุ้นรายตัวนั้น มองว่าเม็ดเงินที่ไหลเข้ามี 2 ทางจะส่ง
ผลกระทบกับหุ้นรายตัวดังนี้
1. เม็ดเงินที่ไหลเข้าจากการปรับสัดส่วนการลงทุน (Reweight) หุ้นใน LTF เพื่อเป็น TESGX จะส่งผลให้หุ้นที่น้ำหนักในการลงทุน TESGX สูงกว่าสัดส่วน LTF จะได้ประโยชน์จากการเพิ่มน้ำหนัก ในทางตรงกันข้ามหุ้นน้ำหนักการลงทุน TESGX ต่ำกว่า LTF จะเสียประโยชน์จากการถูกลดน้ำหนัก จากการรวบรวมข้อมูลการถือครองหุ้น LTF และ TESG (สัดส่วนเฉลี่ย 70% ของ NAV) ณ วันที่ 30 ธ.ค. 2567
โดยตั้งสมมติฐานว่าวงเงินจะโอนย้ายไปที่ TESGX ที่1.35 แสนล้านบาท โดยคงน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเท่ากับ LTF พบว่าหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนัก อันดับต้นๆ คือ PTT, SCC, HMPRO, CPF และ TTB ส่วนหุ้นที่มีโอกาสถูกลดน้ำหนักหุ้น TRUE, GULF, BH, WHA และ AMATA
**10 หุ้นคาดเม็ดเงินไหลเข้า
2) เม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้า TESGX จากการให้สิทธิลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม 3 แสนบาท โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์สูง คือ หุ้นที่คาดว่ากองทุน TESGX จะใส่น้ำหนักเยอะโดยหากอิงน้ำหนักการลงทุนจากกอง TESG เดิม หุ้นที่คาดจะได้เม็ดเงินใหม่สูงและพื้นฐานดีได้แก่หุ้น ADVANC, CPALL, PTT, AOT และ SCB
ฝ่ายวิจัยประเมินหุ้นที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจาก TESGX ควรจะเป็นหุ้นที่ได้ผลบวก 2 ทางจากทั้งการเพิ่มน้ำหนักเมื่อโอนจาก LTF เพื่อเป็น TESGX และหุ้นที่ได้ผลบวกจากเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้า ซึ่งถ้าประเมินควบคู่กับปัจจัยพื้นฐานที่แนวโน้มกำไรยังเติบโตและเแนะนำซื้อ โดยชอบหุ้น HMPRO, TTB, BDMS และ MTC