การลงทุนในหุ้น ในยุคปัจจุบันเป็นเรื่องที่ง่ายมากค่ะ ง่ายพอ ๆ กับเปิดบัญชีเงินฝากเลย แถมบางโบรกเกอร์ยังสามารถเปิดพอร์ตด้วยตัวเองผ่านมือถือได้อีกด้วย ถ้าเป็นสมัยก่อนนะ ต้องมีเงินขั้นต่ำจำนวนหนึ่ง ถึงสามารถเปิดพอร์ตหุ้นได้ ทำให้การลงทุนในหุ้นจำกัดอยู่แค่ในวงแคบ ๆ และการซื้อ-ขาย ในสมัยก่อน ก็อยากเช่นกัน ต้องซื้อ-ขายหุ้นผ่านมาร์เก็ตติ้ง จะดูราคาของหุ้นแต่ละตัว ก็ไม่สามารถทำได้ทันทีเหมือนปัจจุบัน ที่เพียงหยิบมือถือออกมา เปิดเข้าไปในแอป streaming ก็ทราบราคาที่ซื้อ-ขายได้แบบเรียลไทม์สุด ๆ รวมไปถึงกลยุทธต่าง ๆ ในการลงทุนก็เยอะมากขึ้น เรียกได้ว่ายุคนี้จะทำอะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะง่ายไปซะหมดที่นี้เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ในบทนี้จะกล่าวถึงขั้นตอนการเปิดพอร์ตหุ้นอย่างง่าย ๆ ที่เชื่อว่าหากใครได้เข้ามาอ่าน ก็สามารถเปิดพอร์ตลงทุนได้แน่นอนหากพร้อมแล้ว...เรามาเรียนรู้ขั้นตอนการเปิดพอร์ตหุ้นกันค่ะ1. เลือกโบรกเกอร์ที่ใช่ (ภาพโดย https://pixabay.com)โบรกเกอร์ เป็นเหมือนสื่อกลางในการส่งคำสั่งซื้อ-ขายหุ้นที่เราต้องการ รวมไปถึงดูแลเงินที่เราโอนเข้าไปในพอร์ต และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่เราได้จากการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเงินปันผล สิทธิ์ในการเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น โบรกเกอร์มีทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์ และไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ ข้าพเจ้าคิดว่าการเลือกโบรกเกอร์ ถือเป็นด่านแรกที่สำคัญ โบรกเกอร์แต่ละที่จะให้สิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน เช่น บางโบรกเกอร์คิดค่าธรรมเนียมถูก , บางโบรกเกอร์ให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในพอร์ต , บางโบรกเกอร์มีจัดสัมมนาให้แก่นักลงทุน เป็นต้น ลองดูโบรกเกอร์ผ่านทางเว็บนี้ได้ค่ะ https://market.sec.or.th/ เมื่อเลือกโบรกเกอร์ได้แล้วก็ยื่นเอกสารเปิดพอร์ตหุ้นได้เลยจ้า กระซิบสักนิด....เดี๋ยวนี้เขายื่นผ่านออนไลน์แล้วจ้า2. เลือกประเภทบัญชีหุ้น (ภาพ: https://pixabay.com/th)บัญชีหุ้น จะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ - บัญชีเงินสด (Cash Account) : วางเงินกับโบรกเกอกร์เพียงแค่ 20% ก็สามารถซื้อหุ้นได้ ภายหลังจากนั้น 3 วันทำการจึงค่อยโอนเต็มจำนวน หากเป็นการขายหุ้น เงินก็จะเข้าบัญชีเราภายใน 3 วันทำการเช่นกัน - บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) : เป็นบัญชีที่เหมาะกับมือใหม่มากค่ะ เพราะเราต้องฝากเงินไปก่อน ถึงจะทำการซื้อ-ขายได้ แปลว่า..เรามีเงินเท่าไหร่ ก็ซื้อหุ้นได้เท่านั้น และถ้าไม่ได้นำเงินที่ฝากไว้ไปลงทุนซื้อหุ้นอะไร เราก็จะได้ดอกเบี้ยเป็นการตอบแทนเช่นกัน(แต่บางโบรกเกอร์ก็ไม่ให้นะ) - บัญชีเครดิตบาลานซ์ (Credit Balance Account) : บัญชีนี้ค่อนข้างเสี่ยง เพราะโบรกเกอร์จะให้เรากู้เงินเพื่อมาซื้อหุ้น แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องวางเงินสด หรือหุ้นเป็นหลักประกันการชำระหนี้ตามที่โบรกเกอร์กำหนดไว้ หากว่าเราซื้อหุ้นไปแล้ว หุ้นที่เราซื้อไว้ราคาตกลงมา เราอาจจะต้องขายเพื่อไม่ให้เสียมากไปกว่าเดิม(โบรกเกอร์จะบังคับขาย)3. ซื้อ - ขาย ผ่าน streaming (ภาพ: https://apps.apple.com/th)เราสามารถดาวน์โหลดแอป streaming เพื่อไว้ซื้อ-ขายหุ้นด้วยตัวเอง ในแอปนี้มีลูกเล่นมากมายเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งออมหุ้นทุก ๆ เดือน(DCA) และที่สำคัญการสั่งซื้อ-ขายหุ้นด้วยตัวเอง จะช่วยเราประหยัดค่าธรรมเนียมด้วยค่ะเป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ในการลงทุนในหุ้น แต่ที่สำคัญคือ...การจัดสรรเงินให้ดี และเตรียมเงินให้พร้อมสำหรับการลงทุนค่ะ