คุณไปหอสมุดแห่งชาติครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ในสมัยก่อนผมเป็นคนเหนึ่งที่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าห้องสมุดบ่อยครั้งและสถานที่หนึ่งที่ต้องไปอยู่เป็นประจำคือ “หอสมุดแห่งขาติ” ผมจำได้ว่าในยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้น หอสมุดแห่งชาตินับเป็นคลังปัญญาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไม่ว่าผมจะต้องทำรายงานหรือหาข้อมูลเรื่องใดก็ตาม “ที่นั่น”คือความหวังที่ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังเลยสักครั้ง ต่อมาภายหลังเริ่มที่จะมีห้องสมุดของเอกชนให้บริการกับประชาชนทั่วไปโดยมีการเก็บค่าบริการ และค่า copy เอกสารซึ่งก็มีอยู่ไม่มากนัก จนในช่วงก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะเข้ามามีบทบาทก็มีห้องสมุดสำหรับบริการข้อมูลให้กับประชาชนทั่วไปเกิดขึ้นอีกหลายแห่งภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล เช่น ห้องสมุดของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถ.รัชดาฯ ที่มีให้บริการด้านหนังสือที่เกี่ยวกับการออกแบบ หนังสือเทรนด์สี ซึ่งภายหลังก็ได้ปิดตัวลง หลังจากที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาททำให้การเข้าถึงข้อมูลเป็นไปอย่างง่ายดาย ตอนแรกเริ่มของการค้นหาข้อมูลเราต้องใช้อินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์เพียงอย่างเดียว โดยเชื่อมต่อผ่านทางโมเด็ม เวลาที่เราสามารถเข้าระบบบอินเทอร์เน็ตได้ก็จะมีเสียงดัง ตี๊ด ตี๊ด ติดกันหลายๆ ครั้ง ถือว่าเป็นอันสำเร็จเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากนั้นไม่นานเทคโนโลยีก็ได้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราสามารถเข้าระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้อุปกรณ์พกพาอย่างโทรศัพท์มือถือเข้าอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับพฤติกรรมการสืบค้นข้อมูลของคนทั่วไป จนห้องสมุด และหอสมุดแห่งชาติในปัจจุบันมีผู้คนเข้ามาใช้บริการบางตาลงเป็นอย่างมาก ผมจำได้ว่าในสมัยสัก 20-30 ปีที่แล้ว เวลาที่เราจะไปหอสมุดแห่งชาติ จะต้องรีบไปแต่เช้าเพราะคนใช้บริการเยอะมาก มีทั้งนักเรียน นักศึกษา พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาเข้าไปอ่านหนังสือกันเป็นกลุ่มๆ จนบางครั้งแทบไม่มีเก้าอี้นั่งเลยทีเดียว หอสมุดแห่งชาติในปัจจุบันมีลักษณะโครงสร้างทางภายนอกไปบ้างเนื่องจากในปี 2552 ทางภาครัฐได้ใช้งบประมาณถึง 438 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมให้กับหอสมุดแห่งชาติให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เช่น มีบริการห้องสมุดดิจิตอล , ห้องสมุดเสียง มีให้บริการ E-book มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับความรู้เป็นระยะ ๆ มีการเพิ่มส่วนปลูกสร้างใหม่เพื่อเชื่อมต่อกับอาคารเก่าและเพิมพื้นที่ใช้สอยให้สามารถรองรับคนทั่วไปได้มากขึ้น เป็นต้น ส่วนบริการหลักๆ ก็ยังคงอยู่ โดยแบ่งหนังสือที่ให้บริการออกเป็น 3 หมวดใหญ่ๆ คือ หนังสือทั่วไป ได้แก่ หนังสือนานาชาติ ภาษาญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส ลาว อารบิก สังคมศาสตร์ ภาษาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เบ็ดเตล็ด ศิลปะ วรรณคดี ภูมิศาสตร์ และประวัติศาสตร์ ส่วนภายในห้องสมุดหลวงวิจิตรวาทการ มีหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทย หนังสือจีน งานนิพนธ์ของหลวงวิจิตรวาทการ หนังสือและต้นฉบับลายมือ เครื่องใช้หลวงวิจิตรวาทการ และภายในห้องสมุดพระยาอนุมานราชธน มีหนังสือศิลปะ วรรณคดี ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ภาษาอังกฤษ นวนิยาย และหนังสือ สิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัว ของที่ระลึกของพระยาอนุมานราชธน, หมวดเอกสารโบราณ เช่น หนังสือสมุดไทย, คัมภีร์ใบลาน และหมวดหนังสือหายากที่มีอายุตั้งแต่ 50-150 ปี เช่นพระราชนิพนธ์ หรือ หนังสือส่วนพระองค์ต่างๆ โดยภายในขอบเขตของหอสมุดแห่งชาตินั้นจะประกอบไปด้วยอาคารที่ให้บริการทั้งหมด 7 อาคารด้วยกัน คือ อาคาร 1 หอสมุดแห่งชาติ (หนังสือทั่วไป), อาคาร 2 หอสมุดแห่งชาติ (วิทยานิพนธ์และงานวิจัย), หอวชิราวุธานุสรณ์ (สร้างขึ้นเพื่อฉลองวันพระบรมราชสมภพครบ100 ปี ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว), หอสมุดดนตรี (เก็บรวบรวมเพลงพระราชนิพนธ์) , หอสมุดดำรงราชานุภาพ (หนังสือพระราชนิพนธ์ และเป็นสถานที่จัดแสดงของใช้ส่วนพระองค์ , ศูนย์นราธิปเพื่อการวิจัยทางสังคมศาสตร์ และ หอเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช หนังสือเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ ในวันนี้แม้ว่าหลายสิ่งอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายแค่ไหน แต่หอสมุดแห่งขาติก็ยังคงทำหน้าที่ให้ความรู้ และเป็นคลังเก็บข้อมูลหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้กับคนไทยอย่างซื่อสัตย์ และผมเองก็ได้แต่หวังว่าหอสมุดแห่งชาติจะยังสามารถยืนหยัดต่อสู้กับเทคโนโลยีได้อย่างกลมกลืนไปตราบนานเท่านานที่มาภาพ : เครดิตภาพประกอบทั้งหมด (1-6) ถ่ายภาพโดย สถาพร ปานปรีดา / ออกแบบภาพปกโดย สถาพร ปานปรีดาอยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า? หาข้อมูลที่เที่ยวสุดปังได้ที่ App TrueID โหลดเลย ฟรี !