รีเซต

ตร.ลุยกวาดล้างเครือข่าย นายทุนจีนพัทยา ยึดบ้าน-รถกว่า 70 ล้าน ส่วนคนร้ายหนีออกนอกปท.

ตร.ลุยกวาดล้างเครือข่าย นายทุนจีนพัทยา ยึดบ้าน-รถกว่า 70 ล้าน ส่วนคนร้ายหนีออกนอกปท.
มติชน
16 ธันวาคม 2565 ( 13:47 )
55
ตร.ลุยกวาดล้างเครือข่าย นายทุนจีนพัทยา ยึดบ้าน-รถกว่า 70 ล้าน ส่วนคนร้ายหนีออกนอกปท.

จากกรณีเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และฝ่ายปกครอง เข้าจับกุมสถานบริการชื่อ “คลับวัน พัทยา” พบกลุ่มนักเที่ยวหลบหนี และทิ้งยาเสพติดไว้เกลื่อนพื้นจำนวนมาก โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ได้สั่งการให้ขยายผลกลุ่มผู้เสพ และเครือข่ายที่นำยาเสพติดมาจำหน่ายในสถานบริการเมืองพัทยา

 

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พร้อมด้วย ตำรวจ บก.สส.ภ.2 ตำรวจ ภ.จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 หน่วยพิสูจน์หลักฐานชลบุรี ได้ร่วมกันเปิดปฏิบัติการตรวจค้นยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด (แฮปปี้วอเตอร์) โดยนำหมายค้นเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุม นายหยาง จือกัว สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.559/2565 ลง 30 พ.ย.2565 ข้อหา “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดในข้อหาจำหน่ายโดยการร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิต และประสาทประเภท 1 (คีตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเป็นการกระทำเพื่อการค้าและได้มีการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ ” และข้อหา ” รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด เพื่อประโยชน์ หรือให้ความสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือเพื่อมีให้ผู้กระทำความผิด ร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดถูกลงโทษ ”

โดยแนวทางการสืบสวนพบว่า นายหยาง จือกัว นำเงินที่เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด มาซื้อบ้าน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยใช้เปิดเป็นบริษัท ซีแอนด์ เอฟ 112 พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท ลัคกี้ หยาง จำกัด พร้อมอ้างว่า ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ฯ แต่ไม่พบการประกอบธุรกิจตามที่แจ้ง และยังพบว่า นำเงินไปลงทุนในธุรกิจห้อง KTV (ห้องคาราโอเกะ วีไอพี ) บนชั้น 2 ของ “โบนผับ พัทยา” หรือ “คลับวัน” โดยจะรับนักท่องเที่ยว เฉพาะซาวจีนมาจัดปาร์ตี้ยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมสถานบริการ “โบนผับ” หลายครั้ง โดยเฉพาะปี 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายเจษฎา สุทธิจันทรา หรือแจ็ค กับพวก รวม 44 คน จัดปาร์ตี้เสพยาเสพติด (แฮปปี้วอเตอร์) ส่งดำเนินคดี สภ.เมืองพัทยา

 

​ซึ่งในการจับกุมครั้งนั้น นายเจษฎา รับว่าตนเองผสมยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ ให้กับ กับ นายนิติพัฒน์ โชคชัยธนพร หรือกู๋เอี่ยว นำไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ ” และต่อมาศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับ นายนิติพัฒน์ หรือกู๋เอี่ยว และได้ตรวจยึดทรัพย์สิน เนื่องกับการค้ายาเสพติด รวมมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท ส่ง ปปส. และ ปปง. ดำเนินคดี

ทั้งนี้จากการสืบสวนขยายผลต่อเนื่อง พบว่านายหยาง จือกัว เป็นนายทุนให้ กับนายนิติพัฒน์ หรือกู๋เอี่ยว นำยาเสพติดแฮปปี้วอเตอร์ ไปจำหน่ายในสถานบริการ “โบนผับ” และนำรายได้มาแบ่งกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึง ได้รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับ นายหยาง จือกัว และศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับ เมื่อวันที่ 30 พ.ย.65 และในวันที่ 1 ธ.ค.65 เลขาธิการ ปปส.มีหนังสือเลขที่ 7415/2565 ให้อายัดทรัพย์สินของนายหยาง จือกัว ชั่วคราว

 

​ต่อมาวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อม เจ้าหน้าที่ ปปส.ภ.2 เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุม และยึดทรัพย์ เครือข่ายนายหยาง จือกัว โดยมีทรัพย์สิน ได้แก่ บ้าน หลังที่เเปิดเป็นบริษัท ซี แอนด์ เอฟ 1 12 พร้อพเพอร์ตี้ จำกัด มูลค่าประมาณ 20,000,000 บาท และ บ้านอีกหนึ่งหลัง พร้อมที่ดิน 98 ตรว.ที่เปิดเป็นบริษัท บริษัทลัคกี้ หยาง 2021 จำกัด มูลค่าประมาณ 10,000,000 บาท และอายัดเงินในบัญชี จำนวน 2 บัญชี ยอดเงินจำนวน 14 ล้านบาท ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง,คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ จำนวน 1 ชุด, บุหรี่และสุราต่างประเทศ

นอกจากนี้ จากการตรวจค้นขยายผลพบว่า นายหยาง ซื้อคอนโดในพื้นที่เมืองพัทยา และ อ.บางละมุง ไว้อีกจำนวน 4 ห้อง มูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท และพบว่าซื้อรถยนต์ยี่โตโยต้า รุ่นอัลพาร์ท จำนวน 1 คัน และรถยนต์เอนกประสงค์ ยี่ห้อฮุนได รุ่น เอช1 จำนวน 1 คัน รวมมูลค่าทรัพย์สิน ที่ ตรวจยึดได้ทั้งหมดมูลค่า ประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนตัว นายหยาง ทราบว่า ได้หลบหนีออกนอกประเทศตั้งแต่ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวหุ้นส่วนธุรกิจในการเปิดบริษัททั้ง 2 บริษัท ซึ่งเป็นชาวไทย 2 ราย มาสอบปากคำตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี และจะขยายผลถึงหุ้นส่วนรายอื่นๆ ที่มีชื่อและเกี่ยวข้องในบริษัทเครือข่ายของนายหยางฯ มาตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย พบว่า บ้านหลังข้างเคียง มีชาวจีนจำนวน 4 คน พักอาศัยจึงแสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่า มีบุคคลอยู่เกินกำหนด (โอเวอร์สเตย์) จำนวน 1 ราย จึงควบคุมทั้งหมดไปสอบสวน หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายนายหยาง และมีความผิดอื่นๆ จะแจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง