3 พ.ย. วันแมงกะพรุนโลก สัตว์โบราณกว่า 500 ล้านปี ผู้ส่งสัญญาณเตือนระบบนิเวศใต้ทะเล

วันที่ 3 พฤศจิกายนของทุกปี คือ “วันแมงกะพรุนโลก” (World Jellyfish Day) ซึ่งถูกกำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 2014 โดยกลุ่มนักชีววิทยาทางทะเลและผู้ที่หลงใหลในความงดงามของแมงกะพรุน เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสัตว์ทะเลชนิดนี้ และชวนให้ผู้คนหันมาศึกษา ทำความเข้าใจ รวมถึงร่วมกันอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลที่แมงกะพรุนอาศัยอยู่
แมงกะพรุน (Jellyfish) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มไฟลัมไนดาเรีย (Phylum Cnidaria) ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับปะการังและดอกไม้ทะเล ลักษณะเด่นคือมี ลำตัวนิ่ม โปร่งแสง และมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 95% เนื้อเยื่อของแมงกะพรุนสามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนโดยตรงกับน้ำทะเลผ่านผิวหนัง จึงไม่ต้องมีระบบหายใจแบบสัตว์ทั่วไป นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าแมงกะพรุนคือหนึ่งในสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรก ๆ ที่ถือกำเนิดบนโลกเมื่อกว่า 500 ล้านปีก่อน หรือก่อนยุคไดโนเสาร์เสียอีก ทำให้พวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดมายาวนานที่สุดชนิดหนึ่งบนโลก
แมงกะพรุนมีมากกว่า 2,000 ชนิดทั่วโลก บางชนิดมีสีสันสวยงามเรืองแสงได้ในที่มืด แต่บางชนิดมีพิษร้ายแรง เช่น แมงกะพรุนกล่อง (Box Jellyfish) พบมากในน่านน้ำออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พิษของมันสามารถทำให้หัวใจหยุดเต้นภายในไม่กี่นาที รวมถึงแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส (Portuguese Man o’ War) แม้ดูเหมือนแมงกะพรุนแต่แท้จริงเป็นสิ่งมีชีวิตร่วมกลุ่ม (colonial organism) ที่มีหนวดพิษยาวหลายสิบเมตร ซึ่งพิษของแมงกะพรุนบางชนิดทำให้เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อน ผื่นแดง หรือรอยไหม้บนผิวหนัง หากสัมผัสโดยตรงควรรีบล้างด้วยน้ำทะเล (ไม่ใช่น้ำจืด) และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทันที
ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์พบว่า ประชากรแมงกะพรุนในหลายพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมของมนุษย์ ได้แก่
• การทำประมงเกินขนาด ทำให้สัตว์นักล่าธรรมชาติของแมงกะพรุน เช่น เต่าทะเล ปลาทูน่า และปลากะโทง แทงลดจำนวนลง
• ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น เป็นเงื่อนไขเหมาะสมต่อการขยายพันธุ์ของแมงกะพรุน
• การเกิดเขตน้ำเสียและขาดออกซิเจน (Dead Zone) จากน้ำเสียและมลพิษทางทะเล ซึ่งสัตว์ทะเลส่วนใหญ่ไม่สามารถอาศัยได้ แต่แมงกะพรุนกลับอยู่รอดได้ดี
นักวิทยาศาสตร์จึงมองว่า “การเพิ่มจำนวนของแมงกะพรุน” อาจเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่าระบบนิเวศทางทะเลกำลังเสียสมดุล
แมงกะพรุนอาจดูเป็นสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ แต่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อาหารของมหาสมุทร พวกมันช่วยควบคุมประชากรแพลงก์ตอน และเป็นอาหารของสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด เช่น เต่าทะเล ปลาทูน่า และแม้แต่มนุษย์ในบางวัฒนธรรม และใน “วันแมงกะพรุนโลก” นี้ คือโอกาสดีที่เราจะเรียนรู้และตระหนักว่า ทุกสิ่งในทะเลล้วนมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน หากเราดูแลทะเลให้สะอาด ลดขยะพลาสติก และลดการปล่อยคาร์บอน เราก็ช่วยให้แมงกะพรุนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในท้องทะเลได้ดำรงอยู่ร่วมกับมนุษย์อย่างสมดุล