ส่อง 8 หุ้น 2H65 กำไรโต รับประโยชน์ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
#ทันหุ้น - บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุ การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากเดิมเฉลี่ย 5% เป็น 337 บาท/วัน ยังต้องรอ ครม. อนุมัติ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2565 แต่การส่งสัญญาณออกมาก่อน มีโอกาสกระตุ้นการบริโภคให้เร่งตัวขึ้น จากคาดการณ์รายได้ในอนาคตที่จะขยับขึ้นตาม ประเมินผลกระทบเป็นบวกสุทธิต่อเศรษฐกิจ เพราะอดีตที่ผ่านมา GDP และการบริโภคจะกระชากแรงในไตรมาสที่ปรับค่าแรงขึ้น ส่วนเมื่อเทียบกับภูมิภาค ค่าแรงของประเทศไทยยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ย จึงไม่กระทบต่อการลงทุนทางตรงอย่างมีนัยสำคัญ แต่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ผลจากการขึ้นค่าแรงอาจทำให้เงินเฟ้อทรงตัวในระดับสูงนานกว่าคาด
จากการรวบรวมข้อมูลใน Coverage ของฝ่ายวิจัย พบว่า สัดส่วนค่าแรงเฉลี่ยอยู่ที่ 15% ของต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม โดยกลุ่มที่ใช้แรงงานในสัดส่วนที่มากคือ ค้าปลีก ท่องเที่ยว ร้านอาหาร รับเหมาก่อสร้าง ปั๊มน้ำมัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นครั้งนี้มีผลกระทบเชิงลบต่อกำไรสุทธิปี 2566 เฉลี่ยไม่ถึง 2% ของคาดการณ์เดิม เพราะบริษัทส่วนใหญ่ให้ค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว และมีการปรับตัวล่วงหน้า ทั้งทยอยขึ้นค่าแรง ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนส่วนอื่น หรือนำเครื่องจักรอัตโนมัติมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต
ในทางตรงข้าม ฝ่ายวิจัยกลับยิ่งมองเป็นบวกต่อ Domestic play ที่ก่อนหน้านี้ถูกหนุนด้วยมาตรการรัฐ และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวจากฐานต่ำ แต่ระยะถัดไปจะได้แรงหนุนจากฝั่งรายได้ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทที่กำไรสุทธิเติบโตดีต่อเนื่องใน 2H65 และ Valuation ยังไม่แพง เช่น AEONTS, BJC, GFPT, M, SNNP, ICHI, TACC, HTC, KAMART