เปิดใจ พ่อค้าโจ๊ก ฉะเชิงเทรา ทอนเงินผิดให้ลูกค้า มองแบงก์100 ใหม่ เป็นแบงก์ 1 พัน
พ่อค้าโจ๊ก ฉะเชิงเทรา พ้อไม่เหลือแล้วกำไร ลูกค้าให้แบงก์ 100 ทอนผิด 930 บาท วอนขอคืน
จากกรณีโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของ พ่อค้าโจ๊กรายหนึ่ง ที่จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากที่ทอนเงินผิดให้ลูกค้า ก่อนมาโพสต์ภาพ พร้อมข้อความลงเฟซบุ๊ก ระบุว่า คุณลูกค้าครับได้โปรดเอามาคืนด้วยครับ ผมทอนตังค์ผิดครับ วันนี้ไม่เหลือกำไรเลย ซื้อโจ๊กไป 2 ถุง ทอนไป 930 บาท ถ้าไม่เอามาคืนจะดูกล้องนะครับ
ผู้โพสต์ยังระบุทำนองตัดพ้ออีกว่า “ถ้าคุณลูกค้าสงสาร ผมขอคืนนะครับ ตื่นตี 2 ครึ่ง ลุกขึ้นมากวนโจ๊กให้คุณลูกค้าทาน ถ้าไม่คืนไม่เป็นไร แต่อย่าลืมแวะมากินโจ๊กอีกนะครับ #เสียตังค์ไม่ว่าแต่อย่าให้เสียลูกค้าภรรยากล่าวไว้
ต่อมาวันที่ 14 ธ.ค.63 เวลา 05.00 น. นายพิสิฐ แก้วคง อายุ 47 ปี พร้อมด้วยภรรยา คือ น.ส.วรรณา จันทร์รุ่งรังษี อายุ 47 ปี แม่ค้าขายโจ๊กหมูทรงเครื่อง ตลาดสดโรงสีบางวัว ตั้งอยู่พื้นที่ ม.2 ต.บางสมัคร อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา กล่าวว่า เมื่อวานนี้(13 ธ.ค.) ช่วง7 โมงเช้าส มีลูกค้านำแบงค์ร้อยรุ่นใหม่ 2563 ซึ่งมีสีออกเทาๆ คล้ายกันกับแบงค์ 1 พันบาท มาใช้จ่ายซื้อโจ๊กจากร้านค้าขจึงทำให้ตนเองนั้นทอนเงินผิดให้แก่ทางลูกค้าไป ก่อนที่จะมารู้ตัวในภายหลังในช่วงสายเวลาประมาณ 08.30 น. หลังจากภรรยากำลังจะนำเงินจากเอี๊ยมออกมาซื้อของกินด้วยความหิว ก่อนที่จะเลิกขายปิดร้าน จึงพบว่าเงินที่ทำการค้าขายไปในวันนั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเลย และมีแบงค์ร้อยที่มีลายพิมพ์รูปร่างแปลกใหม่ และมีสีออกเทาคล้ายกันกับแบงค์พันปนอยู่ในเงินจำนวนนี้ด้วย
หลังทราบว่าได้ทอนเงินให้แก่ลูกค้าที่มาซื้อโจ๊กจำนวน 2 ถุง ในราคาถุงละ 35 บาท รวมค่าสินค้าเป็นเงิน 70 บาทไป และได้ทอนเงินจำนวน 930 บาทให้แก่ทางลูกค้า แทนที่จะต้องทอนเงินคืนให้แก่ลูกค้าเพียง 30 บาทเท่านั้น จึงทำให้ภรรยาของตนขาดทุนอย่างหนัก และเป็นการทำงานฟรีไปหนึ่งวัน เนื่องจากอาชีพหลักของภรรยาตนนั้น มีอาชีพขายโจ๊กในช่วงเช้ามืดระหว่าง 05.00- 09.00 น. ในทุกๆ วัน
และจะมีรายได้เป็นกำไรเพียงแค่ 800-1,000 บาทในวันทำงานปกติ และจะมีกำไรสูงขึ้นเฉพาะในช่วงเช้าของวันหยุด ที่จะมีลูกค้าเข้ามาซื้อมากกว่าปกติ ประมาณกว่า 1,000 บาทเท่านั้น จึงทำให้คนค้าขายรู้สึกท้อไปบ้าง จากนั้นจึงได้ทำการโพสต์เฟซบุ๊ก เพื่อติดตามหาตัวลูกค้าที่นำแบงค์ร้อยรุ่นใหม่ ที่ดูแล้วน่าสับสนมาใช้ และยังได้รับเงินทอนเกินกลับไปด้วยอย่างหน้าตาเฉย โดยไม่ได้มีการทักท้วงหรือนำเงินมาคืนให้
พร้อมบอกว่าจะเปิดกล้องวงจรปิดภายในบริเวณตลาดดู เพื่อติดตามหาตัวในช่วงแรก แต่หลังจากไปไล่ดูภาพในกล้องแล้ว ไม่สามารถเห็นเงินในขณะที่ลูกค้าแต่ละรายจ่ายค่าสินค้าให้ได้อย่างชัดเจน จึงเปลี่ยนใจ และทำใจว่าส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะความผิดพลาดของตนเองด้วยที่ไม่ตรวจสอบ หรือดูให้ดีก่อนที่จะทอนเงินให้แก่ลูกค้าไป
ทั้งที่ปกติแล้วตนเองนั้น ก็มีอาชีพหลักเป็นพนักงานขับรถให้แก่ทางธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาที่ตั้งอยู่ด้านฝั่งตรงข้ามของตลาด ริมถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) ด้านฝั่งขาออกนี้เอง และจะมาช่วยภรรยาขายโจ๊กแค่เฉพาะในช่วงของวันหยุด ที่จะมีลูกค้ามารุมล้อมร้านเพื่อรอซื้อโจ๊กกันเป็นจำนวนมากเท่านั้น ส่วนวันธรรมดาอย่างเช่นเช้าวันนี้ จะมาช่วยเพียงแค่ตั้งร้านเท่านั้น
ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดของตนเองส่วนหนึ่งด้วย ที่ไม่ยอมตรวจสอบดูให้ดีถี่ถ้วนก่อน และไม่ได้ติดตามข่าวสารที่มีการออกข่าวเพื่อแจ้งเตือนกันมาก่อนล่วงหน้าแล้ว 1 วัน ถึงความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้เกี่ยวกับสีและความคล้ายคลึงกันของแบงค์ร้อยรุ่นใหม่ กับแบงค์ 1,000 บาท ในความเห็นส่วนตัวโดยเฉพาะคนที่ทำการค้าขายนั้น ขอบอกว่าไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเปลี่ยนสีของแบงค์ให้ออกมามีสีที่คล้ายคลึงกันขนาดนี้
ทั้งที่แบงค์ร้อยรุ่นเก่า ที่ใช้กันมานานในหลายยุคสมัยนั้น ก็ดีและมีความแตกต่างกันอยู่แล้วว่าสีแดงนั้นคือแบงค์ร้อย เนื่องจากคนค้าขายที่กำลังมีลูกค้าเข้ามารุมล้อมร้านและกำลังวุ่นอยู่นั้น อาจจะไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบอย่างละเอียดเช่นเดียวกันกับตน จนทำให้ตนนั้นทอนเงินผิด และเมื่อเช้าวานนี้ยังเป็นวันอาทิตย์และเป็นวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน จึงมีลูกค้าเข้ามารุมซื้อจำนวนมากในช่วงเวลา 07.00 น. จึงทำให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้น
ส่วนลูกค้าที่นำแบงค์ร้อยรุ่นใหม่ออกมาใช้เป็นวันแรก และถือเป็นครั้งแรกในพื้นที่นั้น น่าจะเป็นหญิงสาววัยประมาณ 30 ปีเศษ แต่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดนั้น อาจจะไม่ชัดเจนนัก ขณะที่ร้านค้าต่างๆ ส่วนใหญ่ที่ทำการค้าขายอยู่ในบริเวณเดียวกันนี้ ล้วนต่างก็ยังไม่เคยเห็นแบงค์ร้อยรุ่นใหม่ ที่เพิ่งถูกนำออกมาใช้เช่นเดียวกันกับตน
นายพิสิฐ ยังกล่าวต่อว่า ในครั้งนี้จึงถือว่าฟาดเคราะห์ไป จึงได้นำตัวเลขท้ายบนแบงค์หรือธนบัตรฉบับใหม่ดังกล่าว คือเลข 9ธ6735608 มาชื้อลอตเตอรี่เอาไว้แล้ว จำนวน 3 ใบ เพื่อหวังที่จะได้โชคลาภจากคราวเคราะห์ ที่ต้องมาเสียทรัพย์สินจากเงินที่ทอนผิดเกินไปให้กลับลูกค้าได้กลับคืนมาเป็นโชคที่ใหญ่กว่า นายพิสิฐ กล่าวทิ้งท้าย