รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
20 มิถุนายน 2565 ( 09:25 )
1

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,545-1,570 จุด จากความกังวลเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่วนระยะสั้นอาจมี Technical Rebound ได้บ้างหลังปรับลงแรงสัปดาห์ก่อนและ RSI เริ่ม Oversold แต่คาดการฟื้นตัวยังจำกัด โดยยังถูกกดดันจากนโยบายการเงินทั่วโลกตังตึวและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอ กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นคาดว่ายังถ่วงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ร่วงแรง 7% แต่จะหนุนกลุ่มโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี และวัสดุก่อสร้างให้ปรับตัวขึ้นได้แข็งกว่าตลาด 

 

ฝ่ายวิจัยยังคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งตัวใน 2H22 ตามการเปิดปรเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยประเมิน Downside ของ SET Index รอบนี้ที่บริเวณ 1,500-1,520+- จุด เป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐานอีกหนึ่งระดับ และยังเน้นลงทุนในหุ้น Value และ Defensive Play ที่เกียวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น และหุ้น Reopening Play ที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 

 

กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

 

หุ้นเด่นวันนี้ : SC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท

• ยอด Presales 2QTD ยังแข็งแกร่งและเดือน มิ.ย. ได้แรงหนุนจากการเปิดโครงการแนวราบอีก 6 โครงการ ทำใหแนวโน้มกำไรตั้งแต่ 2Q22 จะเร่งตัว Q-Q ทุกไตรมาสของปีและทำจุดสูงสุดใน 4Q22 จาก Backlog ที่แข็งแกร่ง

• เราคาดกำไรปีนี้ +15% Y-Y ทำ New High และคาดกระทบจำกัดจากเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้นจากฐานลูกค้าที่เป็นระดับกลาง-บน ปัจจุบันราคาหุ้นเทรด PER ต่ำเพียง 6 เท่าและให้ Dividend Yield เกือบ 7% 

• แนวรับ 3.14 บาท แนวต้าน 3.30//3.40 บาท       

 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,540 แนวต้าน 1,567 โดยดัชนีอาจผันผวนจาก Fund Flow ไหลออกจากเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลัก แนะนำซื้อเมื่อดัชนี่อ่อนบริเวณแนวรับ เช่น KBANK,BBL,KTB,BLA(+ดอกเบี้ยขาขึ้น)/GULF,GPSC,BGRIM เป็นกลุ่ม Defensive 

 

EPG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 13.70 บาท) หนึ่งในหุ้นกลุ่ม Anti-Oil ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง บริษัทตั้งเป้ายอดขายงวดปี 65/66 (พ.ค.65 - เม.ย.66) เติบโต 12-15% อยู่ที่ 1.35 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.17 หมื่นล้านบาท มาจากการฟื้นตัวของของเศรษฐกิจ หลังจาก COVID-19 คลี่คลายลงไปมาก โดยธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น Aeroflex ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-12% มาจากการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสำหรับสินค้าเกรดพรีเมี่ยมทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยการขยายกำลังผลิตในสหรัฐอเมริกาช่วยลดต้นทุนการผลิตและแรงงาน ส่วนธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-23% ได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ฟื้นตัว ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 5-8% เน้นการปรับปรุงการผลิตและสร้างการรับรู้ของแบรนด์

 

CRC (ทะยอยซื้อสะสม / ราคาเป้าหมาย 43.50 บาท) เรามีมุมมองที่เป็นบวกต่อกลยุทธในการดำเนินงานเพิ่มเติม คือ 1.การรวมสาขา Hybrid (การรวมร้านไทวัสดุ และร้าน BnB เข้าไว้ในสาขาเดียวกัน ช่วยเพิ่ม Efficiency ในด้านการส่ง, การจัดการ, ขนาดของร้าน, การเข้าใช้งานของกลุ่มลุกค้าเป้าหมายในเวลาต่างๆ เช่น ลูกค้าช่างเข้ามาตอนเช้า และ ลูกค้าเจ้าของบ้าน เข้ามาใช้งานตอนสาย) 2.การเปิดร้าน go! WOW ขายสินค้าจิปาถะที่ราคาไม่แพง (เป้า 70 สาขาในนี้) 3. การเปิด Tops Care และ Tops Vita เพิ่มเติมเข้ามาใน Tops เพื่อขายยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ(เป้า 30 สาขาในนี้ และ 300 สาขาใน 3 ปี) ปัจจุบัน เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิในช่วงปี65 และปี66 จะฟื้นตัวโดดเด่นขึ้นมาอยู่ ที่  5,237 ลบ.(+8,722%YoY) และ 7,395 ลบ.(+41.19%YoY)  ตามลำดับ

 

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ (20-24 มิ.ย.65) 1520-50 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,559.39 จุด / -4.48%) ตัวแปรสำคัญยังคงเป็นทิศทางดอกเบี้ย (Fed +ธนาคารกลางอื่นๆ) และเงินเฟ้อ(รัสเซีย) แต่ราคาหุ้นสะท้อนไประดับหนึ่งแล้ว น่าจะเห็นแรงซื้อกลับ แต่ตลาดจะบวกไม่แรง

 

สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย น่าจะดีขึ้น ติดตาม EU หารือกันเองในวันที่ 23 มิ.ย.

 

จีนดูดีขึ้น ทั้งเรื่องการระบาดของ Covid-19 และภาคการลงทุน กลายมาเป็นตัวช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย

 

กำหนดการขึ้นดอกเบี้ยของไทย หากขึ้นช้าจะมีผลต่อ Flow และค่าเงิน เพราะส่วนต่างดอกเบี้ยที่ถ่างขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นที่ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว

 

ตลาดหุ้นไทยดีจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด แต่เราเป็นห่วงเรื่องนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้น

หุ้นแนะนำประจำสัปดาห์นี้

 

ประเมินบนการปรับพอร์ตที่น่าจะจบลงชั่วคราว ดัชนีฯมีโอกาส rebound เป็นจังหวะสำหรับนักเก็งกำไรช่วงสั้น แต่คนที่ลงทุนยาว รอเก็บหุ้น ขอให้ดู event สำคัญของสัปดาห์ก่อน คือ Powell แถลงนโยบายต่อสภาฯ และอียูประชุมเรื่องยูเครน

 

ผลจากดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศและอาจขึ้นแรง การเลือกหุ้นช่วงนี้ ควรเลี่ยงหุ้นที่มีหนี้มากๆ ที่จะถูกกระทบจากทั้งเงินเฟ้อและต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ไปก่อน

 

ระวังหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้ก่อนหน้านี้ อาจถูกขายต่อ สัญญาณที่จะเร่งการขายคือ ถ้าเงินบาทอ่อนลงไปเรื่อย ๆ

หุ้นในพอร์ตวันนี้เรา นำ ASIAN, BLA* ออก และเพิ่ม CPALL, COM7, PSL เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CPALL(10%), COM7(10%), PSL(10%), CENTEL(10%), EA(10%), BEM(10%), BGRIM(10%)

 

CPALL*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 64.00 บาท) “เก็บหุ้นลงลึก...และได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง”

• ทยอยซื้อสะสมหุ้นลงลึก โดยราคา CPALL ปรับฐานกว่า 9% (นับจาก 1 มิ.ย. 22) ขณะที่การเปิดเมืองและผ่อนคลายมาตรโควิด หนุนยอดขาย/สาขา (SSSG)

• Operation ฝั่ง MAKRO ค่อยๆ ดีขึ้น ทั้งในด้านยอดขาย-ค่าเช่า (ฝั่งรายได้) และฝั่งต้นทุนการที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 

• Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 เฉลี่ยที่ 1.68 หมื่น ลบ. และ 2.2 หมื่น ลบ. +29%YoY, +31%YoY ตามลำดับ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง