จีนเผยโฉม “โรงไฟฟ้าพลังความร้อนจากแสงอาทิตย์” ผลิตไฟฟ้าให้ 200,000 ครัวเรือน

จีนเผยการพัฒนา “โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์” ขนาด 50 เมกะวัตต์ (50-megawatt) แห่งแรก ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ ถือเป็นต้นแบบของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ที่ไม่เพียงแต่ผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างเสถียร แต่ยังช่วยสร้างโอกาสในการทำงานและการฝึกอบรมให้กับประชาชนในพื้นที่ได้อีกด้วย

การพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์

โรงไฟฟ้าแห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการผลิตพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์ ที่เกิดขึ้นในเมือง ฮามี่ (Hami Concentrating Solar Power - CSP) โดยตัวโรงงานจะตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายโกบีอันกว้างใหญ่ 

พื้นที่แห่งนี้ มีการติดตั้งหอคอยเกลือหลอมเหลว (molten salt tower) ความสูง 220 เมตร เพื่อคอยรับแสงอาทิตย์ ที่รวมแสงมาจากกระจกเฮลิโอสแตท (heliostats) หรือกระจกบานใหญ่ ที่สามารถปรับมุมเพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยติดตั้งจำนวน 14,500 บาน ช่วยสะท้อนแสงไปยังหอคอย เพื่อใช้ความร้อนในการผลิตไฟฟ้า และกักเก็บพลังงาน

กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนจากแสงอาทิตย์

ทางผู้พัฒนาเผยว่าปีนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนดังกล่าว สามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 1.12 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อวัน (1.12 million kWh) และถ้าหากพิจารณาจากปริมาณการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยของแต่ละครัวเรือนที่ประมาณ 5-6 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อวัน (5-6 kWh) กำลังการผลิตไฟฟ้าแต่ละวันของที่นี่ จะตอบสนองความต้องการไฟฟ้าของครัวเรือนได้ราว 200,000 ครัวเรือน

การลงทุนด้านพลังงานของจีน พุ่งสูงขึ้นในช่วงแผนพัฒนาพลังงานหมุนเวียนฉบับที่ 14 (ปี 2021-2025) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายด้านพลังงานหมุนเวียนในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแรงผลักดันที่แข็งแกร่งของภาคเอกชน ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติ (NEA) ในช่วงเวลาดังกล่าว ภาคพลังงานของจีน มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่าร้อยละ 16 โดยมีการลงทุนด้านการผลิตไฟฟ้าและพลังงานความร้อนสูงกว่าร้อยละ 20 

พลังงานหมุนเวียนกลายเป็นจุดสนใจหลักของการลงทุน โดยในปี 2024 โครงการสำคัญ ๆ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 80 ของการลงทุนด้านการจัดหาพลังงานทั้งหมด ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านการกักเก็บพลังงานหมุนเวียน การชาร์จ และการเปลี่ยนแบตเตอรี่ และโครงการสำคัญอื่น ๆ ดึงดูดเงินทุนได้เกือบ 200,000 ล้านหยวน หรือราว 893,000 ล้านบาท