วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 นี้เป็นวันเปิดเทอมของทุกโรงเรียนทั่วประเทศ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยด้วย จะเห็นได้ว่าบางแห่งได้ทดลองเรียนผ่านระบบออนไลน์กันไปบ้าง เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของนักเรียนก่อนเปิดภาคเรียนจริงๆ สถานศึกษาเองต้องรับบทหนักไม่น้อย เพราะต้องเตรียมการอย่างรัดกุม เพราะเป็นการมาอยู่ร่วมกันของหมู่คนจำนวนมาก และพฤติกรรมร่วมที่สำคัญ คือ การนั่งเรียนในห้องเรียน การเล่น การรับประทานอาหาร การใช้ห้องน้ำ อย่างแรกก็เห็นจะเป็นเรื่อง การจำกัดจำนวนผู้เรียนของแต่ละห้อง แต่สิ่งที่เราอาจไม่ได้คำนึงถึง คือ เราจะมีจำนวนผู้สอนทำเช่นนั้นได้หรือไม่ แต่ก็มีบางโรงเรียนในเขตกทม.ได้ออกตารางเรียนให้มีการสลับการเรียนระหว่างเรียนในชั้นเรียนและเรียนออนไลน์คนละสัปดาห์ ก็คงต้องลองมาดูว่าประสิทธิผลจะเป็นอย่างไร เพราะในเขตเมืองก็สามารถทำได้เนื่องจากระบบออนไลน์อาจเหมาะกับบางพื้นที่และพฤติกรรมการใช้สื่อออนไลน์อย่างคล่องตัวของตรูและนักเรียนรวมไปถึงผู้ปกครองด้วย เมื่อลองตามไปดูในต่างประเทศที่ได้มีการประกาศมาตรการในการเปิดโรงเรียนในแถบยุโรปและได้ทยอยเปิดเทอมไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เช่น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ รัฐบาลมีการประกาศล่วงหน้าให้เปิดเรียน โดยให้มีการแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มเล็กๆ จำนวนเด็กในกลุ่มให้น้อยลง มีการให้นักเรียนทำความสะอาดมือบ่อยๆ มีการรักษาระยะห่างของที่นั่ง มีการจัดระเบียบสิ่งแวดล้อมไม่ให้แออัด การถ่ายเทอากาศดี สุขอนามัยในโรงเรียนทั้งหมดต้องได้รับการเข้มงวดกวดขันทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องโรคระบบทางเดินหายใจของเด็กที่อาจมีการป่วยในช่วงที่มาโรงเรียนได้ ช่วงเวลาพักต้องเหลื่อมเวลากัน เพื่อให้มีการสัมผัสกันน้อยลง ผู้ปกครองต้องหลีกเลี่ยงการรวมตัวกัน โรงเรียนไม่อนุญาตให้มีการร่วมกลุ่มของผู้ปกครองเหมือนเดิม เนื่องจากผู้ปกครองของเด็กโดยเฉพาะเด็กในระดับชั้นประถมหวั่นเกรงการระบาดของเชื้อโควิด-19 รอบสอง เลยยังมีบางครอบครัวที่ไม่อยากให้ลูกไปโรงเรียนเท่าใดนัก ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้งนี้ คุณครูเองก็ยิ่งต้องปรับตัวมากขึ้นอย่างรอบด้าน เพราะนอกจะปรับตัวเรื่องการเรียนการสอนแล้ว ยังต้องมีความรู้เรื่องการคัดกรองอาการของผู้ได้รับเชื้อโควิด-19 อีก แต่หากเราดูจากสถานการณ์ระบาดในประเทศแล้วถ้าทุกคนเข้าใจในความสำคัญของการแพร่กระจายเชื้อแล้ว ไม่ปกปิดข้อมูล เชื่อว่าการระบาดรอบสองจากคนภายในประเทศน่าจะเป็นไปได้น้อย ผู้ปกครองจึงต้องให้ความร่วมมือกับคุณครูประจำชั้นในการให้ข้อมูลสำคัญๆ เช่น การเดินทางไปต่างประเทศของผู้ปกครองหรือบุคคลในครอบครัว หรือการที่บุคคลในครอบครัวเดินทางกลับมาจากประเทศต่างๆ ซึ่งถ้าปฏิบัติตามมาตรการของรัฐอย่างเคร่งครัด การระบาดรอบสองที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็มีโอกาสลดลง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสี่ยง ผู้ปกครองจึงต้องสอนและกำกับบุตรหลานให้รู้จักการล้างมือบ่อยๆ การใช้ผ้าปิดจมูก รวมถึงการรักษาระยะห่างกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนจนเป็นความเคยชิน กลายเป็นวิถีชีวิตแบบใหม่หรือที่เรียกว่า New Normal Life ในโรงเรียน เมื่อเริ่มเจ็บป่วย เพราะเด็กเล็กอาจเป็นไข้หวัดได้ง่าย ควรรีบให้หยุดเรียนและรักษาอาการไข้โดยเร็ว อีกทั้งมีงานวิจัยออกมายืนยันว่าแสงแดดช่วยให้เชื้อโคโรนาไวรัส โควิด-19 ตายเร็วขึ้น สถานศึกษาบางแห่งที่มีห้องเรียนติดแอร์ก็อาจต้องปรับชั่วโมงการเรียนการสอนมาเรียนรู้นอกห้องเรียนมากขึ้น ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้ปกครองและโรงเรียนสามารถจัดการการเรียนการสอนที่ปลอดภัยจากโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพหน้าปก /ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 /ภาพประกอบที่4