รีเซต

รวบ 4 แรงงานเมียนมา พกบัตร ปชช. ไทยหวังตบตาจนท. ก่อนขยายผลตามจับนายจ้าง

รวบ 4 แรงงานเมียนมา พกบัตร ปชช. ไทยหวังตบตาจนท. ก่อนขยายผลตามจับนายจ้าง
มติชน
24 พฤษภาคม 2564 ( 23:57 )
31
รวบ 4 แรงงานเมียนมา พกบัตร ปชช. ไทยหวังตบตาจนท. ก่อนขยายผลตามจับนายจ้าง

จากนโยบายของ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่อยู่ตามถนนสาย 323 ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมาโดยผิดกฎหมาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

 

 

ล่าสุด วันนี้ (24 พ.ค.64) พ.ต.อ.บุญส่งวิทย์ ห้องแซง ผกก.สภ.ทองผาภูมิ พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.ท.เกียรติศักดิ์ วิเศษสิงห์ รอง ผกก ป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.ธีรพร วิจิตรบรรณการ รอง ผกก.สส.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ท.สุทธิโชค สระลอย สวป.สภ.ทองผาภูมิ พ.ต.ต.ภาวัต ธรรมวิเศษ สว.สส.สภ.ทองผาภูมิ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่ 135 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีขบวนการลักลอบนำพาแรงงานชาวเมียนมาเข้ามาในราชอาณาจักร โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีฟ้า เป็นพาหนะ ดังนั้นจึงสนธิกำลังออกหาข่าวพร้อมเฝ้าระวังที่จุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิ หมู่ 1 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ

 

 

จนกระทั่งเวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์คันดังกล่าววิ่งมาจากทางด้านอำเภอสังขละบุรี มั่งหน้าไปทางอำเภอเมืองกาญจนบุรี เมื่อมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงเรียกให้หยุด เพื่อขอตรวจค้น จากการตรวจค้นพบแรงงานชาวเมียนมา จำนวน 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ซึ่งแรงงานทั้ง 4 คน นำบัตรประชาชนคนไทยมาแสดงเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ปรากฏว่ารูปในบัตรกับใบหน้าแรงงานทั้ง 4 คนนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวคนขับและผู้ที่มาด้วยกันเอาไว้ นายณรงค์ ผ่องใส อายุ 29 ปี คนขับ และ น.ส.ฑิฆัมพร ควงสุวรรณ

 

 

ส่วนแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 4 คนประกอบด้วย 1.นาย ตู่ ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี 2.นาย อ่องโท ไม่มีนามสกุล อายุ 15 ปี 3.นาง ชอน ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี และ 4.นาง ยูวิน ไม่มีนามสกุล อายุ 20 ปี โดยแรงงานทั้ง 4 ยอมรับสารภาพว่านำบัตรคนไทยมาแสดงเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ แต่ก็มาถูกจับกุมตัวได้

 

 

ส่วน นายณรงค์ ผ่องใส และ น.ส.ฑิฆัมพร ควงสุวรรณ ยอมรับสารภาพว่า ไปรับแรงงานทั้งหมดมาจากบ้านใหม่พัฒนา ต.หนองลู เพื่อนำไปส่งให้กับนายทุนที่เป็นผู้ว่าจ้าง โดยมีการนัดหมายกันที่ปัมน้ำมันชื่อดังแห่งหนึ่งตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

เมื่อทราบข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนเพื่อขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เป็นนายทุน โดยให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบนั่งรถยนต์ปะปนมากับผู้ต้องหา จนกระทั่งเวลา 12.00 น.คณะเจ้าหน้าที่พร้อมผู้ต้องหาก็มาถึงปั๊มน้ำมัน เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันปิดล้อมเอาไว้

จากนั้นพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแม๊กซ์ สีขาว ขับเข้ามาภายในปั๊มแล้วไปจอดเทียบกับรถยนต์ของผู้ต้องหา ภายในมาด้วยกัน 2 คนเป็นชาย 1 คนหญิง 1 คน เจ้าหน้าที่ที่นั่งปะปนมาด้วย จึงให้ น.ส.ฑิฆัมพร ลงจากรถเพื่อไปหา พร้อมกับให้แรงงานขนย้ายกระเป๋าเสื้อผาไปไว้ที่รถยนต์คันดังกล่าว หลังจากดำเนินการแล้วเสร็จ คนที่อยู่ภายในรถได้จ่ายเงินค่าจ้างให้กับ น.ส.ฑิฆัมพร เจ้าหน้าที่ที่กระจายกำลังอยู่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุมทันที

 

 

ทราบชื่อคือ นายวีระพงษ์ บุญพุฒ อายุ 54 ปี และ นางเสาวภา สิงห์หลอด อายุ 44 ปี หลังจากจับกุมตัวเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวมาสอบสวน ที่ สภ.ทองผาภูมิ

 

 

โดย นายวีระพงษ์ และ นางเสาวภา ให้การว่า พวกตนมีอาชีพเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างสะพาน อยู่ที่จังหวัดสุราษฎรธานี ได้ว่าจ้างให้นายณรงค์และ น.ส.ฑิฆัมพร จัดหาแรงงานชาวเมียนมาให้ จำนวน 4 คน โดยจะจ่ายค่าหัวให้คนละ 5,000 บาท เมื่อทั้งสองหาคนงานได้ จึงนัดหมายให้นำพาแรงงานมาส่งที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว แต่สุดท้ายก็มาถูกจับกุมดังกล่าว

 

 

หลังจากผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งสอง พร้อมด้วย นายณรงค์และ น.ส.ฑิฆัมพร ยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยฝ่าฝืนกฎหมายพ้นจากการจับกุม”

 

 

ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นแรงงานชาวเมียนมาทั้ง 4 คนถูกดำเนินคดีในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนกรณีการใช้บัตรประชาชนคนไทย เจ้าหน้าที่จะสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับผู้ร่วมขบวนการต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง